
โครงงาน M board แผ่นอัดจากธรรมชาติ
นาง
สาวสุหัฏฐา รัตนเดชา นักเรียนชั้น ม.4 (เมื่อปีการศึกษา 2555) ตัวแทนกลุ่ม M
Board ซึ่งทำโครงงานแผ่นอัดจากธรรมชาติ มีครูปริศนา ตันติเจริญ
เป็นที่ปรึกษาโครงงาน กล่าวถึงที่มาของโครงงานว่า
มีพื้นฐานความรู้เดิมจากสมัยเรียนอยู่ชั้น ม.3
เคยทำโครงงานวิทยาศาสตร์เรื่องแผ่นรองกันกระแทกจากผักตบชวา
ต่อมาได้ศึกษาเส้นใยของผักตบชวา
ปรากฎว่าเส้นใยของผักตบชวามีความยืดหยุ่นมาก
จึงคิดนำความรู้ดังกล่าวมาต่อยอดในการทำโครงงานชิ้นนี้เมื่อเรียนชั้น ม.4
ในส่วนที่นำมาต่อยอดคือการตั้งสมมติฐานว่าหยวกกล้วยซึ่งมีอยู่มากมายในท้อง
ถิ่นและเพื่อนนักเรียนด้วยกันเห็นว่า ถูกนำมาทิ้งจำนวนมาก
โดยเฉพาะในช่วงหลังเทศกาลลอยกระทง
จึงนำมาทดลองด้วยการเปรียบเทียบความยึดหยุ่นและความแข็งแรงระหว่างผักตบชวา
กับเส้นใยจากหยวกกล้วย ผลปรากฏว่าผักตบชวามีความยืดหยุ่นกว่าหยวกกล้วย
ขณะเดียวกันหยวกกล้วยมีความแข็งแรงทนทานกว่า
สมาชิกกลุ่มจึงนำทั้งหยวกกล้วยและผักตบชวามาเป็นส่วนประกอบของแผ่นอัดจาก
ธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรงและมีความยึดหยุ่นสูง
สามารถใช้แทนแผ่นกระดานนำเสนอผลงานหรือกระดาษเตือนความจำ
โดย
หลักคิดของโครงงานคือ
ต้องการสร้างสมดุลให้กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากวัสดุที่ใช้เป็นวัสดุที่ได้จากธรรมชาติ
อีกทั้งเป็นการนำวัชพืชหรือพืชที่ไม่ใช้แล้วนำกลับมาใช้
ลดการเกิดขยะไม่ทำลายธรรมชาติ หรือทรัพยากรสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักตบชวา
หากอยู่ตามธรรมชาติคือแหล่งน้ำจะเป็นปัญหาทำให้เกิดน้ำเน่าเสียและกีดขวาง
การจราจรทางน้ำอย่างมาก ดังนั้น
การนำวัชพืชเหล่านี้มาใช้ประโยชน์จึงเป็นการสร้างประโยชน์ได้ถึงสองทาง”
นาง
สาวสุหัฏฐาวิเคราะห์ว่า
การดำเนินโครงงานของตนเองสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงว่า
ก่อนลงมือทำโครงงานต้องมีความรู้ก่อนด้วยการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นมีประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเพื่อนสมาชิกในกลุ่มก่อนตัดสินใจ
เลือกหัวข้อโครงงาน เลือกวัสดุที่จะใช้ซึ่งเราต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน
ปรากฏว่าหยวกกล้วยมีความแข็งแรงใช้ทำบอร์ดได้ ส่วนผักตบมีความยึดหยุ่น
สามารถใช้ทำแผ่นรองเตือนความจำใช้เองได้โดยไม่ต้องเสียเงิน
ต้นทุนมีเพียงโซดาไฟที่นำมาใช้เสริมความแข็งของหยวกกล้วยกับกาวที่นำมา
ประสานยึดติด ซึ่งใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แผ่นรองเตือนความจำจึงมีต้นทุนประมาณ 30 บาท
สามารถทำบอร์ดและจานรองแก้วไว้ใช้เองได้นี่คือ หลักเหตุผล
และเริ่มลงมือทำโดยยึดหลัก ความพอประมาณ เช่น
มอบหมายงานให้เพื่อนตามความสามารถ ใช้วัตถุดิบในการทำโครงงาน เช่น
วัชพืชเก็บมาใช้อย่างพอดีไม่มากไม่น้อย
ไม่เก็บมาเยอะเกินไปเพราะจะเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ทั้งนี้ตนใช้ความรู้เดิมจากการทำโครงงาน
เมื่อ
ตอนอยู่ชั้น ม.3มาเป็นข้อมูลการเก็บผักตบชวามาใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ
ด้านภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี คือ
กลุ่มเรามีการวางแผนการทำงานชัดเจนเพื่อป้องกันความผิดพลาด
นอกจากนี้ความคิดในการค้นคว้าหาเส้นใยชนิดอื่นที่มีความคล้ายคลึงกับเส้นใย
ของผักตบนั่นคือ หยวกกล้วย แล้วนำมาทดลองเปรียบเทียบเพื่อใช้ทดแทนกัน
ในส่วนของคุณธรรม จากการทำงานกลุ่มพบว่าในการทำโครงงานครั้งนี้
เพื่อนทุกคนต้องมีความมุ่งมั่น อดทน มีความรับผิดชอบสูงมากงานจึงสำเร็จ
และที่สำคัญคิดว่า
ในการทดลองต้องมีความซื่อสัตย์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาตามความจริง
อย่าง
ไรก็ตาม จากการทำโครงงานครั้งนี้
พบว่ายังมีจุดบกพร่องในเรื่องของวัสดุที่ค่อนข้างเก็บความชื้น
มีความทนทานน้อย จึงยังไม่เหมาะที่จะทำขาย
แต่เรื่องการย่อยสลายง่ายกว่าไม้ ต้นทุนน้อย ไม่ต้องเผา
เมื่อนำไปฝังดินก็สามารถย่อยสลายได้แล้ว
ที่สำคัญยังเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้อีกด้วย