
นางสาวปรารถนา ใจเบิกบาน แกนนำโมโยรุ่น 2 ที่ทำหน้าที่ฝ่ายสันทนาการ ซึ่งต้องคอยคิดเกมไปเล่นเวลาไปทำกิจกรรมกับน้องๆ พร้อมกับปลูกฝังการเรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงได้ด้วย ปรารถนาคิดว่าการนำเสนอความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบของเกม น้องๆ จะเข้าใจได้ดีกว่าการสอนแบบวิชาการซึ่งตนเองก็เป็นเด็ก และเข้าใจว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อถ้าต้องนั่งเรียนรู้อะไรเหมือนในห้องเรียน แต่หากสอดแทรกไปกับการเล่นเกมจะก่อให้เกิดความสนุกและเรียนรู้ได้ดี
ตัวอย่าง
เกมที่คิดขึ้นและนำไปใช้กับน้องได้แก่ เกมพับกระดาษหนังสือพิมพ์
แล้วให้สมาชิกในกลุ่มยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ได้ร่วมกัน แล้วค่อยๆ
พับให้เล็กลง แข่งขันระหว่างกลุ่ม วิธีการคือ
แบ่งสมาชิกออกเป็นกลุ่มกลุ่มละเท่าๆ กัน แจกกระดาษหนังสือพิมพ์ให้กลุ่มละ 1
คู่ รอบแรกเปิดเพลงให้ทุกกลุ่มยืนบนกระดาษแผ่นเดียวกันให้ได้จนจบเพลง
หมดรอบแรกให้พับกระดาษให้เหลือครึ่งหนึ่ง แต่จำนวนคนยังเท่าเดิม
แล้วให้ทั้งกลุ่มยืน บนกระดาษแผ่นดียวกัน พื้นที่ยืนจะน้อยลง
และมีข้อจำกัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับรอบแรก
แล้วให้พับกระดาษลงอีกครึ่งหนึ่งไปจนกระทั่งกระดาษเล็กมากจนต้องยืนแบบขี่คอ
กัน จนกระทั้งมีคนล้มหรือหลุดออกจากแผ่นกระดาษก็จะถือว่าเกมสิ้นสุดลง
จาก
นั้นจึงจะอธิบายให้ผู้เล่นเข้าใจว่า การพับกระดาษลงครึ่งหนึ่งแต่คนเท่าเดิม
เปรียบเสมือนการใช้ทรัพยากรที่มีผู้ใช้มากขึ้น
ในขณะที่ทรัพยากรลดลงไปทุกวัน หากรู้จักการวางแผนการใช้ทรัพยากร
หรือทรัพย์สินที่มีอยู่ให้ดีก็จะทำให้เรายืนได้ไม่ล้ม
มีทรัพยากรใช้ได้ยาวนานมากขึ้น
การยกตัวอย่างนี้ขึ้นอยู่กับอายุของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
หากอยู่ชั้นประถมปลายหรือมัธยมแล้วก็จะเปรียบกับเรื่องการใช้ทรัพยากร
ธรรมชาติ แต่ถ้าอยู่ชั้นประถมต้นก็จะสอนเรื่องการใช้เงิน
สอนให้รู้จักหยอดกระปุก หรือเก็บออม ให้รู้จักการใช้เงินให้คุ้มค่า
ปรารถนา
ทำกิจกรรมกับโมโยมาตั้งแต่อยู่ ม.3 และประสบการณ์ที่ได้คือ
การนำเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักคิดว่า การทำอะไร (กิจกรรม)
ต้องให้มีความพอดีกับตนเอง เช่น
การเรียนกับการทำกิจกรรมขณะเรียนต้องให้เหมาะสม พอดี
ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลกระทบต่ออีกอย่างหนึ่ง
ดังนั้น การจะตัดสินใจทำอะไรจึงต้องหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น
เพื่อใช้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจ
นอก
จากนี้ เธอยังนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
พ่อแม่ให้เงินมาโรงเรียน เราก็ต้องใช้อย่างรู้คุณค่าว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็น
สิ่งจำเป็นคือ ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าขนม แต่สิ่งที่ไม่จำเป็นก็มีบ้าง เช่น
หากอยากได้ตุ๊กตา แต่ไม่มีปากกาใช้
ก็ต้องคิดเปรียบเทียบความสำคัญว่าอะไรสำคัญและมีประโยชน์มากกว่ากัน
เมื่อคิดด้วยหลักเหตุผลก็จะพบว่า ปากกาคือสิ่งที่สำคัญมากกว่า
เพราะเป็นสิ่งจำเป็นในการเรียนหนังสือ
คิดอย่างมีเหตุผลจะทำให้มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นได้
ส่วนคุณธรรมนั้นจะเกิดขึ้นได้เมื่อได้ทำสิ่งที่ดีให้คนอื่น
และทำความดีทุกอย่างที่พอจะทำได้โดยไม่หวังผลตอบแทน ปรารถนาคิดว่า
“การเป็นผู้ให้สร้างสุขแก่ตน”