โครงงานกีฏะบ่ย่างกาย (กระถางไล่แมลง)
นางสาวดวงนภา พันธ์หนอย
นักเรียนชั้น ม.4 /1 (เมื่อปีการศึกษา2552) เล่าถึงที่มาของโครงงานว่า
เป้าหมายในการทำโครงงานเริ่มต้นที่อยากทำกระถางต้นไม้ก่อน
เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันนี้ถุงเพาะชำส่วนใหญ่จะเป็นถุงดำพลาสติกซึ่งย่อย
สลายยาก เพราะเมื่อนำพืชลงดิน
ถุงดำจะกลายเป็นขยะทันทีและต้องใช้เวลาย่อยสลายหลายร้อยปี
จึงคิดทำกระถางชีวภาพขึ้น โดยให้มีคุณสมบัติสามารถไล่แมลงได้ด้วย
สอดคล้องกับหลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียงคือ ประโยชน์สูง ประหยัดสุด
จาก
นั้นจึงได้ใช้เงื่อนไขความรู้
ด้วยการนำความรู้ภูมิปัญญาเรื่องสมุนไพรไล่แมลง
โดยใช้ตะไคร้และสะเดาเพื่อเป็นสารไล่แมลง จากความรู้เบื้องต้น
จึงนำมาทดสอบว่าระหว่างตะไคร้และสะเดา
สมุนไพรชนิดไหนมีความสามารถไล่แมลงได้จริง
และชนิดไหนสามารถไล่แมลงได้ดีกว่ากัน
เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมของกระถางชีวภาพนำมาเพาะชำกล้าไม้
วิธี การคือ นำเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้ว มาผสมกับเยื่อธรรมชาติ ได้แก่ เยื่อของสะเดาและตะไคร้ ร่วมกับแป้งเปียก แล้วมาขึ้นรูปเป็นกระถาง ตากแดดให้แห้งแล้วนำมาทดลองในกล่องพลาสติกขนาด 6 นิ้ว โดยตั้งกล่องไว้แล้วเอากระถางใส่เข้าไป จากนั้นเฝ้าสังเกตการณ์เคลื่อนที่ของมด ภายใน 24 ชั่วโมง จากการทดลอง 2 ครั้ง ปรากฏว่ากระถางที่มีส่วนผสมของสะเดา มดไม่กล้าเข้าใกล้ในระยะรัศมีที่ไกลกว่า
กระถาง
ที่มีส่วนผสมของตะไคร้ คุณสมบัติของกระถางต้นไม้ไล่แมลงนี้
เมื่อนำไปใช้สามารถรดน้ำได้ปกติ
หลังการรดน้ำกระถางจะเปียกแต่ทิ้งไว้สักระยะ
จะแห้งตามเดิมที่สำคัญกระถางนี้ฝังลงดินสามารถย่อยสลายให้หมดไปได้ภายใน 45
วัน
“โครง
งานนี้หากมีโอกาสทำอีกครั้ง คิดว่าจะต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนได้
หรือทำใช้เองในบ้านแทนถุงเพาะชำ จะสามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้
ลดขยะและไม่ก่อให้เกิดโลกร้อนไปในตัว มีต้นทุนในการทำที่น้อยมาก
เพราะตะไคร้และสะเดาก็เก็บมาจากบ้านเพื่อน แป้งเปียกก็กวนกันเอง
ใช้วัสดุทุกอย่างอย่างพอเพียงไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
มีเหตุผลเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก
สร้างภูมิคุ้มกันให้กับการทำงานของกลุ่มโดยการหาความรู้ก่อนทำ
นำความรู้ภูมิปัญญาที่ผ่านการพิสูจน์แล้วมาพิสูจน์ซ้ำ
และระหว่างการทำงานทุกคนในกลุ่มรับผิดชอบหน้าที่ร่วมกันไม่เอาเปรียบกัน”