วิชญะ เดชอรุณ
แกนนำเยาวชน Active Citizen จ.สุราษฎร์ธานี
ตำแหน่งที่ได้รับในโครงการต่างๆ
ประวัติและผลงาน
­ความโดดเด่น :
  • กล้าที่จะตั้งคำถามกับชีวิต และเปลี่ยนแปลงออกมาจากวงจรเดิม เพื่อสร้างทางเลือกให้กับตัวเอง
  • รับผิดชอบต่อหน้าที่ พัฒนางานในส่วนเอกสารที่ตัวเองรับผิดชอบให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เป็นแกนนำที่ดี สนับสนุนทีมให้ทำงานอย่างมีระบบ 

       “ถ้าเราไม่ลองเราก็ไม่รู้ ถ้าอยากเปลี่ยนอนาคตตัวเองก็ต้องลอง เพราะจุดตรงนั้นคือต่ำสุดแล้วของชีวิตก็เลยลองดูเผื่อมันจะดีขึ้น สุดท้ายก็ดีขึ้นเยอะ”

      เค วิชญะ เดชอรุณ กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเวียงสระ เขาคือ ผู้กล้าที่จะเปลี่ยน เพราะชีวิตเคที่ผ่านมาอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่ติดการพนัน เขาจึงเติบโตข้างวงไพ่ ทำหน้าที่นับเงินและเป็นผู้ช่วยผู้ปกครอง ซึ่งวงไพ่จะเริ่มช่วงค่ำถึงเช้าของอีกวัน ทำให้เคพักผ่อนไม่เพียงพอ รู้สึกแย่กับตัวเองและครอบครัว อยู่ในครอบครัวแต่ไม่รู้สึกอบอุ่น จากการพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อผลการเรียน เคอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากมีอนาคตที่ดี อยากออกมาจากพื้นที่อบายมุข จึงเข้าร่วมโครงการเยาวชนสืบสานภูมิปัญญามโนราห์บ้านปากลัด ด้วยการเชิญชวนของบอม สมาชิกโครงการอีกคน

       เมื่อมาทำโครงการ เค เป็นหนึ่งในแกนนำ รับตำแหน่งเลขานุการของโครงการฯ ทำหน้าที่บันทึกและทำรายงานการประชุม ติดตามงานจากสมาชิก ดูแลใบสมัครของน้อง ๆ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ซึ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน และไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ ในช่วงที่ศึกษาเรื่องมโนราห์เคได้ร่วมเก็บข้อมูลกับทีม ด้วยการสอบถาม สัมภาษณ์ปราชญ์อาวุโสเมื่อไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ด้านการรำมโนราห์ เค เรียนรู้ฝึกฝนการรำมโนราห์จนร่วมแสดงกับคณะมโนราห์และมีรายได้จากการรำ เขาร่วมกับทีมงานประยุกต์ท่ารำมโนราห์แบบใหม่ โดยมีครูภูมิปัญญาช่วยดูแลให้คำปรึกษาปรับเปลี่ยนท่ารำให้ถูกต้อง เคมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ศูนย์การเรียนรู้เปิดรับสมาชิกเพื่อสืบสานมโนราห์ต่อไป

       การได้มีประสบการณ์จากการทำโครงการฯ ทำให้เค ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ การมารวมกลุ่มกันเพื่อเรียนรู้และฝึกซ้อมการรำเสมือนเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ เขารู้สึกอบอุ่น สบายใจ สุขภาพจิตดีขึ้นตามลำดับ เพราะตรงนี้มีเพื่อน มีพี่ที่ให้ปรึกษาได้ รวมถึงเขาเองก็ให้คำปรึกษาให้กำลังใจน้องสมาชิกที่เผชิญเหตุการณ์คล้ายตนเอง ที่ทางบ้านขาดแคลน สภาพจิตใจย่ำแย่ ให้กำลังใจและบอกน้องว่า "เรายังมีอนาคตที่สดใส" เคคิดว่าตัวเองเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว เข้าใจและเห็นใจกรณีที่เกิดขึ้น

       เคบอกว่าเขามีผลการเรียนดีขึ้น เกรดเฉลี่ยจากสองกว่าๆ สูงขึ้นถึง 3.50 ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเพราะ “ไม่หมกมุ่นอยู่กับการพนัน ... ผมเปลี่ยนแปลงนิสัยจากเมื่อก่อนได้ … ในครอบครัวมีความสัมพันธ์เปลี่ยนไป … เขาเห็นความสำเร็จของเราในวันนี้ ว่าสามารถเปลี่ยนอนาคตของตัวเองได้นะ ทำไมเรา (พ่อแม่) ไม่ลองเปลี่ยนดู พอเขาลองเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้จริง” แถมเปลี่ยนจากคนใจร้อน ที่มีเรื่องตบตีทะเลาะวิวาทเสมอ ไม่ฟังใคร เป็นใจเย็น มีสติ “เมื่อก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อนไม่ฟังคนอื่น มีเรื่องตบตีกันเยอะ นิสัยร้ายไม่ฟังใคร คิดเอาตัวเองเป็นใหญ่ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรับฟังผู้อื่นมากขึ้น เพราะอยู่โครงการเดียวกัน ต้องอยู่ด้วยกัน ไม่สามารถที่จะแยกกันอยู่ได้ ก็ปรับความคิดของตัวเองว่าจะทำอย่างไร...คนอื่นก็สามารถแนะนำแสดงความคิดเห็นได้เหมือนกับเรา ตอนนั้นเราไม่ได้คิดแบบนี้ เขามีสิทธิ์ที่จะแนะนำเหมือนกัน คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ตอนนั้น ตอนนี้คิดได้แล้วว่าเราก็มีสิทธิ์ส่วนบุคคลเท่ากัน” เค เล่าถึงสิ่งที่เขาเรียนรู้

       ทว่าสิ่งที่ยากและท้าทายสำหรับเค คือ เวลาถูกตั้งคำถามเชิงวิจัย เคจะเกิดความกลัว กลัวเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรให้เป็นทางการ ไม่กล้าตอบ กลัวจะตอบไม่ตรงคำถาม เคพยายามทำความเข้าใจและเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ทำความเข้าใจคำถามวิจัย เขาค้นพบว่า จริง ๆ แล้วผู้ใหญ่ที่ถามไม่เคยต่อว่า เวลาที่ตนเองตอบผิดหรือถูกเลย มีแต่แนะนำให้เข้าใจมากขึ้น จึงเกิดมุมมองใหม่ เคเข้าใจคำว่า "โอกาส" มากขึ้น สำหรับงานเอกสารที่เคไม่เคยทำ รู้สึกไม่ถนัด เริ่มจากการไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร จนออกแบบใบสมัครสำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ พัฒนามาเรื่อย ๆ จนได้แบบฟอร์มที่ครอบคลุมข้อมูลพื้นฐานของผู้สมัคร

       เครักในการรำมโนราห์ รู้สึกตื้นตันใจที่ได้รำ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสแบบนี้ ทำให้เขาอยากถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่ตัวเองภูมิใจ เคสอนน้อง ๆ รำมโนราห์ ประยุกต์ ออกแบบ ท่ารำ โดยมีครูช่วยดูแลภาพรวมให้เหมาะสม พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ เรียนมโนราห์ตัวอ่อนร่วมกัน เขาภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานศิลปวัฒนธรรม ได้มีส่วนร่วมทำให้เกิดประโยชน์กับเด็ก เยาวชน ชุมชน ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเคเริ่มดีขึ้น ผู้ปกครองลดละการพนัน หันมาสนใจให้คำปรึกษาลูกมากขึ้น อนาคตเคอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และทำงานในศูนย์เรียนรู้ สืบทอดและถ่ายทอดมโนราห์ต่อไป เคเชื่อว่า คนเราหากจะเปลี่ยน ก็เปลี่ยนได้จริง ๆ

       “เมื่อก่อนคนในชุมชนไม่ยอมรับการทำงานของศูนย์ฯ ตอนนี้เขายอมรับแล้วว่าเราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กได้ เขาเห็นความสำคัญ เขาจึงช่วยกันบริจาคมา...มีกำลังใจในการขับเคลื่อนโครงการนี้ไปต่อ จากเมื่อก่อนก่อนมีเด็กแค่ 8 คน ตอนนี้ทางศูนย์ของเรามีเด็กหลายร้อย มาถึงขั้นนี้แล้วต้องไปให้สุด” เคทิ้งท้าย