สัมภาษณ์โครงการ Best Practice การเรียนรู้และพัฒนาตนเองผ่านโครงการเพื่อชุมชน PBL : โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยอย่างมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนกับคนในชุมชนบ้านปากง่าม

โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยอย่างมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนกับคนในชุมชนบ้านปากง่าม ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

­

ผู้ให้สัมภาษณ์

  1. เด็กหญิงวิลาสินี เกียรติศักดิ์เจริญ (แก้ม)  อายุ 14 ปี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนถาวรานุกูล
  2. เด็กหญิงมณินทร จิตรสมุทร (มายด์) อายุ 14 ปี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนถาวรานุกูล 
  3. เด็กหญิงวรัชญา แสงทับทิม (ตูน) อายุ 14 ปี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนถาวรานุกูล
  4. เด็กหญิงสุวัชชญา เกตุสิงน้อย (เฟิร์น) อายุ 14 ปี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนถาวรานุกูล
  5. เด็กชายธนพร วันเพ็ญ (ปาม) อายุ 13 ปี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนถาวรานุกูล

­

สัมภาษณ์วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563

ถาม ช่วยแนะนำชื่อทีม ชื่อโครงการ แนะนำสมาชิกในทีม?

ตอบ พวกเราทีมบานาน่าด่งด๊ง โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยอย่างมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนกับคนในชุมชนบ้านปากง่าม

ตอบ หนูชื่อวิลาสินี เกียรติศักดิ์เจริญ ชื่อเล่นชื่อแก้ม

ตอบ มณินทร จิตรสมุทร ชื่อเล่นชื่อมายด์

ตอบ วรัชญา แสงทับทิม ชื่อเล่นตูน

ตอบ สุวัชชญา เกตุสิงน้อย ชื่อเล่นเฟิร์น

ตอบ ผมเด็กชายธนพร วันเพ็ญ ชื่อเล่นปาม

ตอบ ส่วนเพื่อนอีกคนที่มาจากโรงเรียนศรัทธาสมุทร ชื่อปราโมทย์ กลิ่นสุคนธ์ ชื่อเล่นก๊อต

­

ถาม ในทีมมีทั้งหมดกี่คน?

ตอบ 6 คน

­

ถาม ช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนที่สมาชิกคนหนึ่งได้ออกจากทีมในระหว่างการทำโครงการ?

ตอบ น้องคนที่ออกไปเขาอยากโฟกัสเรื่องการเรียนมากกว่า น้องมาทำงานตรงนี้ต้องแบ่งเวลา อย่างพวกหนูเองงานค่อนข้างจะเยอะ วันนั้นเป็นวันที่จัดบู๊ท เราอยู่ทำงานกันจนดึก ผู้ปกครองของน้องเขากลัวว่าถ้าทำตรงนี้ต่ออาจจะทำให้เสียการเรียน น้องเลยตัดสินใจขอออกจากทีม เราต้องสมาชิกใหม่ ส่วนน้องก๊อตที่เป็นสมาชิกใหม่นั้นตอนที่พวกหนูจัดเวทีครั้งแรกเขารู้สึกสนใจอยู่ แม่ของน้องบอกกับหนูว่าถ้ามีงานอะไรช่วยชวนน้องก๊อตเข้าร่วมด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องคนนั้นออกไปพอดี หนูกับมายด์เลยชวนน้องก๊อตเข้ารวมทีม

­

ถาม พวกเราเรียนมัธยมศึกษาเดียวกันไหม?

ตอบ ไม่ค่ะ

­

ถาม พวกเรารวมทีมได้อย่างไร?

ตอบ พวกหนูอยู่ตำบลกระดังงาเหมือนกัน หนูรู้จักกันอยู่แล้วเพราะจบมาจากโรงเรียนเก่าเดียวกันหนูมีความสนใจในโครงการเลยชวนน้องที่รู้จักกันมาทำ

ตอบ นั้นคือช่วงปิดเทอม หนูอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร จนมายชวนมาทำโครงการด้วยกัน หนูคิดว่าโครงการอะไร ทำไมต้องมาทำ เราอยู่บ้านปิดเทอมก็สบายดี หนูได้รับการติดต่ออาจารย์พรเพ็ญมา อาจารย์อธิบายให้หนูฟังถึงโครงการและบอกว่าเป็นโครงการที่ดี จะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้พัฒนาตัวเอง หนูเลยตัดสินใจทำ

­

ถาม ใครเป็นคนคิดหัวข้อโครงการ?

ตอบ ตอนแรกพวกหนูไม่รู้ว่าจะเอาโครงการอะไรดี พวกเราลองปรึกษากันว่าบ้านเราแต่ละคนในจังหวัดสมุทรสงครามมีอะไร ที่บ้านของเราแต่ละคนมีสวนเยอะ เรามองว่าแต่ละบ้านปลูกอะไรมากที่สุด บ้านของพวกเราปลูกกล้วยทุกคน ทุกบ้านของสมาชิกในกลุ่มมีป่ากล้วย แต่บางบ้านไม่เห็นความสำคัญของกล้วยเท่าไร หนูเดินไปสำรวจเห็นเขาตัดต้นกล้วยทิ้ง เขาจะเก็บแค่ใบกล้วยและผล แต่ถ้าต้นกล้วยมันรกเขาก็จะตัดทิ้งที่แม่น้ำทำให้แม่น้ำเน่าเสีย เราเลยคิดว่าถ้าเราให้ชาวบ้านหรือคนในชุมชนเห็นความสำคัญ หรือประโยชน์ของกล้วยมากขึ้น มันอาจจะช่วยลดปริมาณขยะในแม่น้ำลำคลองได้

­

ถาม เป้าหมายของโครงการคืออะไร?

ตอบ เป้าหมายของโครงการคือทำอย่างไร ให้คนในชุมชนได้เห็นความสำคัญและประโยชน์ของกล้วยนำกล้วยไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น

­

ถาม ตอนที่พี่ๆ ชวนมาทำโครงการน้องๆ ในทีมรู้สึกอย่างไร?

ตอบ ตอนแรกรู้สึกว่าเรามาทำอะไร มาทำไมไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่พอเข้ามาร่วมโครงการหนูรู้สึกว่าได้พัฒนาตัวเอง ช่วยให้ชุมชนเห็นประโยชน์จากสิ่งรอบข้างมากขึ้น

ตอบ พี่แก้มชวนมา แต่ก่อนหนูได้แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้าน พี่แก้มถามว่าอยากเข้าร่วมโครงการไหม หนูตอบว่าโครงการอะไร เข้าไปทำไม เข้าไปเราจะได้อะไร พอเข้าร่วมโครงการหนูรู้สึกว่าดีได้ความรู้เรื่องกล้วยว่าให้ประโยชน์อย่างไรมากกว่าที่เราคิดไว้

ตอบ เมื่อก่อนผมก็นั่งอยู่ในบ้านเฉยๆ พี่เขาชวนผม แม่ผมแนะนำว่าน่าสนใจผมจะได้ฝึกพูดและได้ประสบการณ์

­

ถาม น้องๆ ทั้ง 3 คนเรียน ม.อะไร?

ตอบ ม.2 และ ม.1

­

ถาม หลังจากที่เราได้ทีม เรามีวิธีการทำงานอย่างไร?

ตอบ เราต้องหาวัตถุประสงค์ว่าเราทำไปเพื่ออะไร หากลุ่มเป้าหมาย เวลามีงานอะไรเราจะนัดประชุมเพื่อแบ่งหน้าที่กันว่าคนไหนจะทำอะไรบ้าง ทุกคนจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

­

ถาม กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร?

ตอบ ชาวบ้านและเด็กๆในชุมชนอยากให้ชาวบ้านเห็นประโยชน์จากกล้วยและสามารถนำไปต่อยอดได้

­

ถาม ชุมชนที่เราทำงานด้วยชื่อชุมชนอะไร?

ตอบ ชุมชนบ้านปากง่าม ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที

­

ถาม ช่วยเล่าให้ฟังถึงบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน?

ตอบ หนูทำหน้าที่หัวหน้าโครงการ ทำหน้าที่ช่วยน้องๆในเรื่องของการคิด วางแผนและพูด

ตอบ หน้าที่เป็นที่ปรึกษาโครงการ ถ้าน้องมีปัญหาอะไรสามารถปรึกษาหรือถามได้ เราให้คำแนะนำกับน้องและหนูรับหน้าที่พิธีกร

ตอบ ช่วยหาข้อมูลช่วยเตรียมของ เวลาไปลงพื้นที่ต้องหาข้อมูลว่าเราจะทำอะไรบ้าง

ตอบ ส่วนหนูทำหน้าที่จัดการเงินที่ต้องใช้ในโครงการ

ตอบ ส่วนผมเสิร์ฟน้ำให้เพื่อนและถ่ายรูป

ตอบ ส่วนของน้องก๊อตเพิ่งเข้ามาทำโครงการจะให้น้องคอยช่วยและเรียนรู้งานไปก่อน น้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกล้วยอยู่แล้ว ภาพที่หนูคิดอยากให้น้องเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์เพราะเขารู้จักคนค่อนข้างเยอะ

­

ถาม ช่วยเล่ากระบวนการทำงานของทีม?

ตอบ ก่อนอื่นเราต้องตั้งเป้าหมายหลักไว้ก่อนว่าเราจะโฟกัสตรงไหนทำเรื่องอะไร หลังจากนั้นพวกหนูจะประชุมทีมกันอีกครั้งเพื่อที่จะแบ่งบทบาทหน้าที่จะได้ทำงานอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด พวกเราหาความรู้เรื่องกล้วยจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นจะลงไปตามบ้านเพื่อไปสำรวจเกี่ยวกับพันธุ์กล้วย วิธีการปลูกและดูแลรักษาต้นกล้วย ช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากต้นกล้วยเช่น การเย็บกระทง

ตอบ พวกหนูได้ลองทำขนมกล้วยด้วย หนูไม่เคยทำมาก่อนเลย หนูเคยแต่กินอย่างเดียว

­

ถาม ช่วยเล่าความรู้ที่ได้รับจากการลงพื้นที่เพื่อสำรวจต้นกล้วย?

ตอบ เรื่องที่หนูเพิ่งรู้คือรากกล้วยสามารถทำสมุนไพรได้ กาบกล้วยเอาไปทำกระเป๋าได้

ตอบ ต้นกล้วยเอาไปทำให้แห้งสามารถทำเป็นน้ำยาขัดรองเท้าได้

ตอบ หยวกกล้วยเอาไปทำอาหาร

ถาม ช่วงที่ลงชุมชนไปหาข้อมูลจากใครมาบ้าง?

ตอบ เริ่มจากไปถามคนที่บ้านก่อนและออกไปถามคนในชุมชน เช่นพ่อของเฟิร์น ถามคนที่เป็นชาวสวนปลูกกล้วย

­

ถาม สัมภาษณ์คนในชุมชนทั้งหมดกี่คน?

ตอบ 10กว่าคน เริ่มจากครอบครัวของพวกเราก่อน

­

ถาม หลังจากที่ไปถามคนในชุมชนผู้ใหญ่มีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่เราทำ?

ตอบ น่าจะรู้สึกดีใจที่พวกหนูสนใจพืชพรรณในบ้าน

ตอบ เราเข้าไปแนะนำโครงการว่าเราทำอะไรทำไปเพื่ออะไรให้เขาเข้าใจ ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงหาข้อมูลเราเลยไปสอบถามคนในหมู่บ้านนะ

ตอบ ตอนแรกที่หนูถาม พ่อบอกว่าจะเอาไปทำอะไร หนูบอกพ่อว่าหนูอยากได้ความรู้เกี่ยวกับกล้วยมากกว่านี้เพราะหนูไม่เคยปลูกกล้วยมาก่อนเลย

ตอบ ตอนที่หนูไปถามยาย เขาก็ถามเหมือนทุกคนเลยว่าเอาไปทำอะไร อยากรู้ไปทำไม หนูตอบว่า“หนูจะเอาไปใช้ต่อยอดในการทำโครงการที่พวกหนูทำอยู่” ยายเลยเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการปลูกกล้วยของยาย ยายบอกว่า “ดีแล้วที่หนูสนใจของที่มีอยู่ในชุมชนที่พวกเราปลูกมานานแล้ว”

­

ถาม ปกติได้พูดคุยกับคนในครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องของที่มีอยู่ในชุมชนไหม?

ตอบ ไม่ค่อยได้คุยค่ะ

­

ถาม ในวันว่างพวกเรามักจะทำอะไรกัน?

ตอบ อ่านการ์ตูนบ้าง ทำการบ้านบ้าง ดูหนังฟังเพลงตามประสาวัยรุ่น

­

ถาม พอเราได้มาทำโครงการเกี่ยวกับเรื่องกล้วยทำให้เราพูดคุยกับคนที่บ้านมากขึ้นใช่ไหม?

ตอบ ใช่ค่ะ พวกหนูกลับไปถามคนในชุมชนบ่อยมากๆ ถามซ้ำหลายรอบ

ตอบ ของหนูถาม 3 ครั้ง เพราะว่าเราจะได้จำได้ด้วย เราจะได้รู้ว่าตรงนี้มีประโยชน์แบบนี้นะ

ตอบ หนูก็ถามหลายครั้งค่ะ ตอนแรกเราถามเรื่องที่เราอยากรู้และพอเรามาเข้าโครงการอีก มีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้และอยากที่จะรู้ เราต้องกลับไปถามเขาอีก

ตอบ ก็มีเรื่องที่เราอยากรู้เรากลับไปถามเขาอีก เช่นกาบกล้วยทำกระเป๋าได้ด้วยเหรอคะ

­

ถาม เคยเห็นกระเป๋าจากกาบกล้วยไหม?

ตอบ เคยเห็นอยู่ค่ะ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาทำมาจากอะไร

­

ถาม ตอนนี้พวกเราปลูกกล้วยเป็นหรือยัง?

ตอบ หนูยังไม่เคยทดลองปลูก ตอนนี้หนูเริ่มทดลองจากการทำขนมกล้วยก่อนแต่ถ้าเป็นการปลูกกล้วยพวกหนูกำลังคิดอยู่ว่าจะลงมือปลูกกล้วยด้วยกันดีไหม พวกเราจะได้รู้วิธีการปลูกและดูแลรักษาจะได้เป็นการลงมือทำจริงๆ

­

ถาม หลังจากที่ได้ข้อมูลจากชุมชนขั้นตอนต่อไปคืออะไร?

ตอบ รวบรวมข้อมูลที่ทุกคนได้มาเอามาวิเคราะห์และคนคัดแยกข้อมูล เขียนใส่แผ่นชาร์ทจะได้ไม่ลืมว่าทุกคนได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง

ตอบ หลังจากนั้นเราเอาข้อมูลที่ได้มา เราคุยกันว่าเราจะทำอย่างไรกันต่อไปเช่น เราได้ข้อมูลมาแล้วเราอยากจะลงมือทำไหม เราจะปรึกษาน้องๆ ว่าอยากลองเย็บกระทงไหม ถ้าน้องบอกว่าหนูไม่เคยทำเลยหนูอยากลองทำด้วยได้ไหม หนูกับมายด์จะคิดกันว่าถ้าน้องอยากลองทำเราจะให้น้องได้ทำ ขั้นตอนต่อไปคือการลงมือทำ หลังจากเราลงมือทำแล้วเราเอาความรู้ที่ได้ไปสอนต่อให้กับเด็ก

­

ถาม ใครเป็นคนสอนเย็บกระทง?

ตอบ มีคุณป้าค่ะ คุณยายและแม่ของเฟิร์น

­

ถาม วิธีการคืนข้อมูลให้กับชุมชนทำอย่างไร?

ตอบ เราลงไปจัดเวทีให้ชาวบ้านและเด็กๆ ในชุมชนมาร่วมทำกิจกรรม

ตอบ บอกต่อข้อมูลและทำเรื่องสรุปกิจกรรม

­

ถาม จัดเวทีคืนข้อมูลที่ไหน?

ตอบ ครั้งแรกจัดที่วัด ครั้งที่ 2 จัดที่บ้านเฟิร์น

­

ถาม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวนเท่าไหร่?

ตอบ ครั้งแรกมีคนให้ความร่วมมือเยอะมากประมาณ 40 คน

ตอบ ครั้งที่ 2 เป็นวันหยุดคนในชุมชนติดภารกิจมาเข้าร่วมได้ 10 กว่าคน

­

ถาม วันที่จัดกิจกรรมแบ่งหน้าที่กันอย่างไร?

ตอบ ครั้งแรกที่เราไปจัดเวทีหนูกับมายด์ทำหน้าที่พิธีกร ตูนกับเฟิร์นเป็นฝ่ายลงทะเบียน ปานจะเป็นฝ่ายสวัสดิการ

­

ถาม รูปแบบของกิจกรรมเป็นแบบไหน?

ตอบ ครั้งแรกที่ชาวบ้านมาเราจะให้เขาทำแผนที่บริบทชุมชน เพราะพวกหนูยังเด็กอยู่หนูไม่รู้ว่าในชุมชนมีจุดไหนเป็นอย่างไรบ้าง ให้ชาวบ้านช่วยกันเราจะได้รู้มากขึ้นเวลาลงพื้นที่สำรวจจะได้ง่ายและชวนชาวบ้านทำไทม์ไลน์ที่เป็นบทสรุปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กล้วยที่มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ตั้งคำถามให้ชาวบ้าน เช่น ประโยชน์ของต้นกล้วยมีอะไรบ้าง พวกหนูอยากรู้ความคิดเห็นของชาวบ้านว่าเขารู้อะไรมาบ้างเกี่ยวกับประโยชน์ของต้นกล้วย

­

ถาม ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มขึ้นจากการจัดเวทีในครั้งแรก?

ตอบ ได้ข้อมูลเพิ่มค่ะ อะไรที่เรายังไม่รู้เรามานั่งสรุปกันเองอีกรอบว่าเราได้ข้อมูลอะไรเพิ่มขึ้นจากเดิม

­

ถาม ตอนนี้โครงการทำมาได้กี่เปอร์เซ็นต์?

ตอบ เกินครึ่งแล้วค่ะ แต่ยังขาดความสมบูรณ์อีกนิดหน่อย

­

ถาม สิ่งที่ขาดคืออะไร?

ตอบ อย่างน้องบางคนยังไม่กล้าพูด หนูอยากให้เขากล้าพูดมากกว่าเดิม

­

ถาม มีวิธีการอย่างไรที่จะช่วยพัฒนาให้ทีมมีทักษะการพูดเพิ่มขึ้น?

ตอบ พยายามชวนน้องคุยไปเรื่อยๆ จนกว่าน้องจะตอบหนูได้อย่างชัดเจน ส่วนน้องอีกคนเป็นคนพูดเก่งแต่เขาเพิ่งมาครั้งแรกเลยความกล้าๆ กลัวๆ

­

ถาม อยากพัฒนาอะไรในโครงการ?

ตอบ จัดเวทีอีกหนึ่งรอบเพื่อเผยแพร่ให้กับน้องๆ ครั้งที่แล้วชวนน้องๆ มาแต่จำนวนยังไม่เยอะ อยากให้น้องรู้ข้อมูลเพิ่มเติม ชวนกันมาเย็บกระทง ชวนกันทำขนม

­

ถาม ปัญหาอุปสรรคในการทำโครงการมีเรื่องอะไรบ้าง?

ตอบ ตอนที่จัดเวทีครั้งแรกหนูให้ชาวบ้านนับเลขเพื่อแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม เราให้เขานับ 1 2 3 ไปเรื่อยๆเหมือนเด็กๆ เขาอยากไปนั่งอยู่กับเพื่อนของเขาเลยบอกให้ป้าข้างๆ สลับที่กัน หนูรู้สึกว่าถ้าเราแบ่งทีมให้เขาแข่งขันกันดู ด้วยความที่เป็นเด็กเขาน่าจะสนุกกับการแข่งขัน จากที่หนูสังเกตหนูว่าจะจัดเกมกิจกรรมให้เหมาะสมกับเขา หนูได้รับคำแนะนำมาจากพี่อ้วนและอาธเนศด้วยค่ะ อยากให้เด็กรู้สึกว่ามาทำกิจกรรมแล้วสนุกไม่น่าเบื่อ

ตอบ ปัญหาเรื่องการพูดค่ะคือหนูกับมายด์เป็นคนที่ชอบพูดอยู่แล้ว อยากพัฒนาทีมให้น้องๆ ได้กล้าแสดงออกได้มั่นใจ เราเองก็ต้องเข้าใจน้องด้วย

ตอบ เวลานัดมาประชุมทีมบางคนว่างไม่ตรงกัน ทำให้หาเวลามาจัดเวทีต้องมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยกันยาก

­

ถาม พวกเราแก้ปัญหาเรื่องเวลาอย่างไร?

ตอบ ต้องดูวันที่พวกเราว่างพร้อมกัน

­

ถาม มีปัญหาอุปสรรคอะไรอีกไหม?

ตอบ การพูดของผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง

­

ถาม ตอนที่น้องปามทำหน้าที่ถ่ายรูปกิจกรรมเป็นอย่างไรบ้าง?

ตอบ เพิ่งครั้งแรกแต่ก็ทำได้

­

ถาม จุดเด่นของทีมบานาน่าด่งด๊งมีเรื่องอะไรบ้าง?

ตอบ สำหรับหนูแต่ก่อนเป็นคนไม่กล้าแสดงออกแต่ปกติจะเป็นคนเฮฮา แต่เวทีที่จัดไปในครั้งแรกคนเยอะมาก ตอนหนูเข้าไปคิดว่าน่าจะมีแต่พวกเด็กๆแต่พอเข้าไปจริงมีคนทุกรุ่นในชุมชนตั้งแต่เด็กเล็ก จนถึงคนแก่เรากังวลว่าจะพูดอย่างไรดี ถ้าเราพูดอะไรไปแล้วเกิดเขานิ่งหรือเขาขำเราจะทำอย่างไร จุดเด่นของหนูคือมีความมั่นใจในการสื่อสาร มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เข้ากับคนได้ง่ายกล้าพูดกล้าแสดงออก

ตอบ สำหรับทีมหนูคิดว่าทีมมีความสามัคคีกันมากไปไหนก็ไปด้วยกัน มีวันหนึ่งที่โดนเข้าห้องเย็นคือพวกหนูต้องไปนำเสนองานต่อหน้าคณะกรรมการ เราต้องเลือกว่าเราจะเอาใครไปบ้าง เราคิดว่าถ้าเราเอาน้องไปน้องจะทำได้ไหม เรากังวลกลัวน้องจะตื่นเต้นไหม วันนั้นเลยตัดสินใจว่าเข้าไปยกทีมน่าจะดีที่สุด พอเข้าไปวันนั้นราบรื่นและคล่องมากเขาถามอะไรมาเราสามารถตอบได้หมด ใครตอบคำถามไหนได้พวกเราก็ช่วยกันตอบ

ตอบ สำหรับหนูคิดว่าความสามัคคีเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ใครไม่ได้อะไรเราช่วยกันถ้าคนไหนไม่กล้าพูดเราก็คอยสนับสนุนน้อง เป็นที่ปรึกษาให้น้องได้ น้องไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้

ตอบ ของหนูคือให้คำปรึกษากับเพื่อนๆ ใครทำอะไรไม่ได้ตรงไหนก็บอก เช่นเขาควรจะทำอย่างไรแก้ปัญหาที่ตรงไหน เวลาเพื่อนไม่กล้าพูดเราก็จะบอกว่าเดี๋ยวเราพูดเป็นเพื่อน

ตอบ ของหนูคือถ้าหนูไม่รู้หนูสามารถถามพี่ๆ เพื่อนๆ ได้ เวลาทำงานรู้สึกว่ากลุ่มนี้ไม่มีความตึงเครียดเป็นกันเองสนุก

ตอบ ของผมจะคอยถามเพื่อนไปว่าใครหิวบ้าง ผมก็คอยเสริฟ์น้ำให้

ตอบ ใช่ค่ะ น้องเค้าจะถามอยู่ตลอดเลยว่าหิวไหม เขาดูแลเก่ง สุดยอดเลย

­

ถาม หลังจากที่ทำโครงการตัวเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?

ตอบ การเปลี่ยนแปลงของหนูคือการการแสดงออกมากขึ้น แต่ก่อนหนูไม่กล้าถ้าอยู่กับเพื่อนที่สนิทหนูจะพูดเก่งแต่ถ้าต้องมาอยู่แบบนี้ ไม่ค่อยกล้าพูด แต่พอใกล้จะจบโครงการหนูเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองคือกล้าการแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น ปกติจะเงียบๆ แต่พอเข้ามาอยู่โครงการนี้ฝึกให้เราต้องช่วยกันแสดงความคิดเห็น

ตอบ แต่ก่อนหนูเป็นคนไม่ค่อยกล้าพูดกลัวพูดไปแล้วจะผิดจะโดนว่า พอมาทำโครงการนี้พี่ๆ ให้หนูพูดหนูเริ่มกล้าพูดกล้าแสดงออก

ตอบ สำหรับผมไม่ค่อยกล้าพูดไม่ค่อยกล้าคุยกับคุณอื่น ตอนนี้เริ่มคุยมากขึ้น

­

ถาม อะไรในตัวเราที่ทำให้เราเริ่มกล้าคุยกับคนอื่น?

ตอบ ถ้าผมไม่ทำเดี๋ยวเพื่อนๆ จะมีปัญหา

ตอบ เมื่อก่อนเวลาทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ถ้าไม่สนิทเราจะไม่กล้า แต่พอมาเข้าโครงการนี้เค้าจะมีกิจกรรมให้เล่นทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ ได้พัฒนาตัวเองเริ่มกล้าพูดมากขึ้น ได้เรื่องการคิดทำงานแบบมีขั้นตอน เมื่อก่อนทำอันนี้ทีอันนั้นทีข้ามไปข้ามมา การพูดดีขึ้นเมื่อก่อนไม่กล้าจับไมล์พอมาอยู่โครงการนี้ได้ลองพูดเป็นพิธีกรคนต้องมาฟังเรา พอทำไปเรื่อยๆ ก็สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองมากขึ้น

ตอบ หนูสังเกตได้จากห้องที่หนูเรียนถ้าทำงาน กลุ่มหนูเป็นคนที่ทำงานไม่ได้ตามขั้นตอนเป๊ะ ทำอะไรแบบไม่ต้องหาหัวข้อ เอาแค่ประมาณนี้แหละทำงานแบบสะเปะสะปะ โครงการนี้ทำให้หนูรู้ว่าการที่เราทำงานแบบมีขั้นตอนจะทำให้เราทำงานได้ง่ายและราบรื่นขึ้น อีกอย่างคือเรื่องของการนำเสนองาน เวลาทำงานกลุ่ม หนูจะขอเพื่อนไว้ว่าหนูจะไม่เป็นคนพูด ไม่อยากออกไปพูดต่อหน้าเพื่อน ไม่อยากจับไมค์แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ หนูจะขออาจารย์ไม่ใช้ไมค์ หนูจะเกี่ยงทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ตัวเองต้องจับไมค์พูด พอต้องมาอยู่ในโครงการถ้าเราไม่จับไมล์พูดคนที่เหลือจะไปต่อได้ไหม อาจจะเกิดการทะเลาะกันในทีม เราลองเปิดใจจับไมค์ดูก็ได้

­

ถาม ตอนจับไมค์ครั้งแรกเป็นอย่างไร?

ตอบ มือสั่น ปากสั่น หนูพูดไม่ถูกเลยค่ะ หนูพูดช้ามากในขณะที่มายด์พูดเร็ว หนูพูดช้าเหมือนตัวสล็อตส่วนคนฟังจะหลับ มีป้าคนหนึ่งในชุมชนบอกว่า “แก้มลองพูดเร็วเร็วสิ พูดได้ไหม” วันนั้นหนูไม่ได้ห่างจากไมค์เลยหนูถือไมค์พูดตลอด ตอนนี้หนูเป็นเพื่อนกับไมค์แล้ว เวลาไปที่ไหนเอาไมค์มาเลยหนูพูดได้หมด โครงการนี้ทำให้หนูได้รู้จักกับผู้ใหญ่มากขึ้น โครงการสร้างการมีส่วนร่วมให้เด็กกับผู้ใหญ่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ปกติเด็กจับแต่โทรศัพท์ไม่ค่อยได้จับมือกับผู้ใหญ่มาเล่นด้วยกันแบบนี้

­

ถาม ในความคิดของพวกเราทำไมวัยรุ่นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่?

ตอบ ถ้าสมมติว่าเด็กเล่นแต่โทรศัพท์เด็กจะไม่รู้ว่าสมัยก่อนผู้ใหญ่มีวิถีชีวิตอย่างไร อยากให้เด็กกับผู้ใหญ่ได้ลองคุยกันมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันผู้ใหญ่จะได้แบ่งปันความรู้ให้เด็ก กล้วยเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้พวกเขาได้คุยกัน

ตอบ ในความคิดหนูเด็กจับโทรศัพท์เพราะเขาอยู่ในโลกส่วนตัวของเขา ไม่เคยถามผู้ใหญ่ว่ากล้วยทำประโยชน์อะไรได้บ้าง พอเรามาจัดโครงการที่ให้เด็กกับผู้ใหญ่ได้อยู่ร่วมกัน เวลาเด็กสงสัยเขาก็จะถามผู้ใหญ่ว่า ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เขาจะได้ความรู้กลับมา

ตอบ เวลาที่เด็กเล่นเกมจะไม่ได้แสดงออก ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ตอบ ยิ่งโตก็เหมือนเรายิ่งห่างจากผู้ใหญ่ แต่พอเรามาทำโครงการนี้ เราจะได้คุยได้ถามตลอดไม่แค่เฉพาะเรื่องกล้วย เรื่องอื่นเราก็สามารถพูดกับผู้ใหญ่ได้ด้วย เมื่อก่อนเราเก็บไว้ไม่กล้าถามเพราะกลัวว่ามันจะผิด

ตอบ เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ โทรศัพท์ก็เป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน โทรศัพท์จำเป็นกับเรามากๆ ผู้ใหญ่จะมองว่าเด็กคนนี้ทำไมเล่นแต่โทรศัพท์ไม่สนใจครอบครัว ผู้ใหญ่อาจจะตัดสินเราโดยไม่ถามเรา ผู้ใหญ่บางคนไม่รู้ว่าหลังโทรศัพท์เด็กกำลังทำอะไรอยู่ หนูคิดว่าถ้าเราให้เด็กกับผู้ใหญ่มีส่วนร่วมด้วยกันอาจจะแบ่งปันประสบการณ์กันก็ได้ เด็กอาจจะสอนเรื่องการค้นคว้าข้อมูลทางโทรศัพท์กับยาย ยายอยากดูหวยอยากดูอะไรยายก็สามารถเปิดดูได้ ยายจะได้ไม่ต้องไปรอเปิดโทรทัศน์ดู หนูชวนยายแลกเปลี่ยนด้วยการให้ยายพูดใส่โทรศัพท์หนู หนูจะอัดเสียงเสียงยายไปฟังหนูถามยายว่ากล้วยมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เดี๋ยวหนูจะไปเล่าให้น้องฟังต่อ ยายจะได้เห็นว่าโทรศัพท์มีประโยชน์อย่างไรไม่ใช่เอาไว้เล่นแต่เกม

­

ถาม อยากพัฒนาตัวเองหรือโครงการให้ด้านไหน?

ตอบ พัฒนาด้านความคิด หนูอยู่ ม.3 แต่ความคิดหนูยังเด็ก บางทีน้องในทีมบอกว่าพี่แก้มอย่าพึ่งเล่นสิแต่จริงๆ แล้วหนูไม่อยากให้น้องเครียด หนูอยากพัฒนากิจกรรมที่เด็กกับผู้ใหญ่สามารถทำด้วยกันได้ อยากให้มีการซักถามในกิจกรรมมากขึ้น ชวนคุยกันในวงมากขึ้น ถ้าเด็กนั่งดูผู้ใหญ่ทำเฉยๆ เขาไม่มีอะไรทำเขาจะเบื่อ อยากชวนน้องให้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมมากขึ้น เช่น ตอนทำแผนที่ให้น้องมาช่วยระบายสี

ตอบ อยากพัฒนาคนในทีม ให้น้องๆลองเปลี่ยนหน้าที่ลองมาเป็นพิธีกร อยากให้มีการสลับบทบาทหน้าที่จะได้เหมือนมีการแลกเปลี่ยนกัน อยากให้คนในชุมชนผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเฉยๆเข้ามาร่วมกิจกรรมกับเรา ให้ผู้สูงอายุคอยบอกคอยสอนบอกเล่าเรื่องราวในชุมชน อยากให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมกับผู้ใหญ่มากกว่านี้

ตอบ อยากพัฒนาให้ตัวเองกล้าพูดมากขึ้น อยากกล้าพูดให้ได้เหมือนพี่แก้มและพี่มายด์ กล้าจับไมค์ ความคิดเห็นของหนูยังเด็กน้อยอยู่ อยากพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง

ตอบ อยากพัฒนาตัวเองพูดให้ได้เยอะกว่านี้ อยากจับไมค์ได้ดีเพราะว่าทุกวันนี้จับไมค์แล้วมือสั่น ในเวลาทำงานหนูยังติดเล่นอยู่ยังชอบแกล้งเพื่อนในทีมอยู่ อยากมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้

ตอบ ผมอยากเสริมเรื่องการแสดงออกและการเข้าสังคม

­

ถาม มีวิธีการไหนบ้างที่จะช่วยพัฒนาตัวเอง?

ตอบ พูดเยอะขึ้น เจอคนให้เยอะขึ้น

ตอบ พูดคุยกับพ่อแม่ คุยกับเพื่อนใหม่ ชวนเขาคุยให้มากขึ้น

ตอบ สมมุติมีการลงพื้นที่จัดเวทีชุมชนจะขอพี่แก้มพี่มายด์จับไมค์พูดบ้างจะได้ลองดูว่าเราทำได้ไหม

ตอบ อยากให้จัดกิจกรรมร่วมกันอีกจะได้ให้น้องขึ้นมาเป็นพิธีกรแทนเรา อยากให้จัดกิจกรรมที่เด็กกับผู้ใหญ่สามารถทำร่วมกันได้โดยไม่แบ่งแยก

ตอบ อยากให้น้องฝึกพูดต่อหน้ากระจก ปกติถ้าหนูไม่กล้าหนูจะฝึกพูดต่อหน้ากระจกพูดกับตัวเองไปเลย เราจะได้รู้ว่าเราต้องพูดแบบไหน อยากให้ผู้ใหญ่กับเด็กได้ทำงานร่วมกันแบบจริงๆ เขาจะได้คลายเครียด อยากให้กิจกรรมดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

­

ถาม หลังจากจบโครงการนี้มีโครงการอะไรต่อ?

ตอบ ถ้ามีโอกาสอยากรวมตัวกันอีกครั้งเพราะว่าโครงการนี้มีประโยชน์ต่อตัวพวกหนู

­

ถาม หลังจากที่ทำโครงการความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเปลี่ยนไปอย่างไร?

ตอบ หนูรู้สึกว่าสัมพันธ์ดีมากขึ้น หนูไปงานวัดมาแล้วมีผู้ใหญ่จากอีกโครงการหนึ่งเดินเข้ามาทัก หนูนึกไม่ออกว่าเขารู้จักเราด้วยหรือจนหนูนึกออกว่าป้าที่ทำอยู่โครงการ Active citizen มันทำให้หนูรู้จักคนมากขึ้น

ตอบ พวกเราสนิทกับคนในชุมชนมากขึ้น เวลาพวกเราเดินไปไหนเขาจะถามว่า“หาคนไปเวทีต่อเหรอให้ป้าไปด้วยหรือเปล่า” มันทำให้เรากับชาวบ้านมีความสนิทกันมากขึ้น

ตอบ เด็กกับผู้ใหญ่ในชุมชนเข้ากันได้ดีขึ้น เวลาที่ทำกิจกรรมร่วมกันเขากล้าพูดกับผู้ใหญ่กล้าแสดงความคิดเห็น