ตรงนี้จึงขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมตรงนี้นิดหนึ่งว่าทุกคนมีความดี
อาจารย์ต้องเค้นความดีตรงนั้น ถามว่าอาจารย์วารินนำความดีตรงนี้ไปใช้ไหมคะ
ใช้คะ กลับไปเขียนใบงานเลยคะ ใบงานของนักเรียน ให้นักเรียนกลับไปเขียนทุกคน
แบบบันทึกปฏิบัติธรรมความดีและทักษะการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้อย่างไร
เบื้องต้นคือการรักษาศีล ให้แต่ละวันเขาบันทึก วันที่ 1
เขาบันทึกว่าเขาผิดศีลข้อไหน ให้เขามีความซื่อสัตย์
ถ้าผิดข้อนั้นให้กากบาทและเหตุผลที่ผิดข้อนั้นเพราะอะไรให้เขียนไว้ข้างๆ
แต่เขาไม่รู้หรอกว่าอาจารย์
ใช้ทำอะไรจนกระทั่งครบไปแล้ว 1 เดือน ถึงจังหวะที่เราจะสอนคณิตศาสตร์
เราจึงนำใบเหล่านี้ออกมา
ถ้าครูจะเปลี่ยนจากบันทึกความดีมาเป็นบันทึกการสะสมบุญบารมี
วันไหนที่นักเรียนไม่ทำผิดเลยศีลใน 5 ข้อ ครูจะให้ 20 คะแนน
ถ้าผิดข้อหนึ่งก็เหลือ 8 เรามาดูกันว่าเราสะสมบารมีกันได้กี่คะแนน
นักเรียนเขาก็เอามาตีช่อง ให้เขาคิด
คิดว่าเขาจะหาอย่างไรให้เขามีบุญบารมีในแต่ละเดือน
จนกระทั่งเขาก็คิดออกว่าอันนี้อาจารย์สอนเรื่องความถี่สะสม
ถ้าครูคณิตศาสตร์ตรงนี้ก็จะทราบ
หลังจากนั้นเราก็มาสะท้อนพูดคุยกันถึงเรื่องคุณความดีต่างๆ
ทีนี้ขอยกตัวอย่างอีกประเด็นหนึ่งที่สามารถนำไปใช้ได้จริงๆ
เมื่อเช้าได้เห็นการบันทึกรายจ่าย อาจารย์วารินเน้นการบันทึกการออม
เราให้เด็กทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างนี้มาทุกเดือนๆ
ในชั่วโมงที่เราจะสอนค่าเฉลี่ยเลขคณิต เราจะบอกเขาก่อนนะ
เราก็จะบอกนักเรียนให้เอาบัญชีการออมมา นักเรียนจะเลือกวันไหนก็ได้
กี่วันก็ได้ ทดลองเอามาเขียนรายรับรายจ่ายเงินออม แต่อาจารย์สนใจว่าใน
การออมของนักเรียน บางคนเลือก 8 วัน บางคน 10 วัน บางคนก็เดือนหนึ่ง
เราก็มาหาเหตุผลว่าทำไมใช้ 8 วัน 10 วัน หรือเดือนหนึ่ง
เป็นเรื่องการสอนเรื่องประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ปรากฏว่านักเรียนก็ได้มาและนำมาให้
แล้วอาจารย์ก็ถามต่อว่าเฉลี่ยแล้วนักเรียนแต่ละคนมีเงินออมเท่าไร
เขาก็หาค่าเฉลี่ยมา แปลว่าเราสอนเรื่องค่าเฉลี่ยเลขคณิต
ที
นี้ถ้าอาจารย์สอนอยู่แค่นี้มันก็จบแค่นั้น
อาจารย์เพียงเปิดประเด็นนิดเดียวถามว่า เงินออมที่นักเรียนเก็บในแต่ละวัน
สมมติเก็บได้วันละ 8 บาท เก็บไว้
ถามว่าอีกกี่วันนักเรียนจะได้มีเงินเก็บมากเพื่อจะซื้ออะไร
นักเรียนจะต้องเก็บเงินกี่วัน บางคนเก็บออม 2 บาทก็มี 3 บาทก็มี
เราก็ถามว่า แล้วเงินแค่นี้จะไปซื้ออะไรได้
ถ้าเราอยากซื้อแต่เราออมแค่นี้เราพอไหม
เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนนิสัยในเรื่องการออมนี้เด็กเขาไม่เข้าใจ
ทีนี้บอกว่าการออมคือการใช้ๆๆ เหลือเท่าไหร่ถึงออม มันไม่ใช่
การปลูกฝังการออมของเด็ก เขาต้องรู้จักคิด วางแผนการใช้เงิน
อยากออมเท่าไหร่ เก็บเงินตรงนั้นไว้ก่อน ตรงนี้ถ้าอาจารย์โยงเอาไว้นิดหนึ่ง
ไม่ว่าอาจารย์จะสอดเรื่องอะไรก็ตาม อาจารย์โยงแทรกเข้าไป นี่คือคำว่า Why
กระบวนการที่เราจะแทรกเข้าไปว่าสอนอย่างไรเพื่อจะทำให้เด็กเขาได้คิด ส่วน
How ก็คงเหมือนท่านอื่นๆ ว่าการเรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว
เรียนรู้จากประสบการณ์ เรียนรู้จากภูมิปัญญา
เพราะฉะนั้นตรงนี้อาจารย์ก็สามารถจัดเข้าไปไม่ว่าจะเป็นโครงงานอะไรก็ตามแต่
แต่พยายามดึงและสอดแทรกเข้าไปนิดเดียว
เรื่องการบูรณาการมันไม่ใช่เรื่องยากไม่ว่าจะเป็นวิชาคณิตศาสตร์หรือวิชา
อะไรก็ตาม ดิฉันคิดว่าสามารถลงเข้าได้หมดเลย
ถ้าคุณครูคิดว่าคุณครูเป็นครูที่พอเพียงแล้ว
|