นายแง ยังอยู่ อายุ 15 ปี (แง)
เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดศรัทธาธรรม
โครงการศึกษากระบวนการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
สัมภาษณ์วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563
ถาม สวัสดีค่ะ ขอให้แนะนำตัว ชื่อจริง อายุ ชื่อเล่น เรียนชั้นไหน เรียนโรงเรียนอะไร?
ตอบ ผมชื่อนายแง ยังอยู่ครับ ชื่อเล่นแง อยู่จังหวัดสมุทรสงคราม อำเภอเมือง ตำบลบางจะเกร็ง เรียนโรงเรียนวัดศรัทธาธรรม อายุ 15 ปี โครงการที่ทำเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุในตำบลบางจะเกร็ง เรียนชั้น ม. 3
ถาม ทำไมถึงสนใจเข้ามาร่วมโครงการนี้?
ตอบ ตอนแรกผมไม่สนใจ ไม่ชอบอะไรพวกนี้ พอเราได้มาเห็นคนที่บ้าน พ่อ แม่ คนในชุมชน ที่เป็นผู้สูงอายุ ได้มาเห็น ได้ลงมือไปทำ รู้สึกว่าวันหนึ่ง เราก็ต้องเป็นผู้สูงอายุเหมือนพ่อแม่ เราก็ต้องมีวิธีการดูแลตัวเอง และวิธีการดูแลเขา ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ไร้ค่า มีคนคอยดูแลสนใจอยู่
ถาม จากวัยรุ่นที่ต้องไปมีชีวิตของตัวเอง จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเป็นอาสาสมัครคืออะไร?
ตอบ เริ่มต้นได้เข้าร่วมกับ สกว. โครงการก่อนมาสนใจโครงการผู้สูงอายุ ได้ทำโครงการเกี่ยวกับชาวมอญร่วมกับพี่ๆ ในโรงเรียน ทำปีแรกยังไม่เห็นผลที่ได้ ช่วงหลังพี่ๆ ออกไป เหลือตัวคนเดียว งานทุกอย่างตกมาที่เราหมดเลย ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาหรือทำอย่างไรให้ดีเหมือนเดิม ดึงเพื่อนๆ มา เพื่อนมาใหม่ยังไม่รู้วิธีการดูแลโครงการเกี่ยวกับเรื่องราวของชาวมอญ พอเห็นปัญหาแบบนั้นเราก็ถอยออกมา ภาระทุกอย่างตกไปอยู่ที่เพื่อนหมด หลังจากนั้นเราไม่ได้สนใจ ไม่ไปยุ่ง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจาก 9 เดือนที่เราถอยออกมา เห็นแต่สิ่งดีๆ ที่เพื่อนทำออกมา คิดว่าทำไมเราถอยออกมาไม่ยอมสู้ เพื่อนสู้มาตลอดทั้งที่ไม่มีเรา ทั้งที่เขาไม่รู้อะไร เป็นเราที่รู้แต่กลับถอยออกมาก่อน เราคิดว่าถ้ากลับไปทำโครงการน่าจะดีขึ้น แต่ก็คิดว่า พี่ๆ ในโครงการที่เราถอยออกมา เขาจะด่าจะว่าเราไหม ในสิ่งที่เราทำลงไป
ถาม อะไรทำให้เราถอยออกมาเลยตั้ง 9 เดือน ไม่อยากยุ่ง?
ตอบ เกม เราเป็นเด็กติดเกม พอเราติดเกมทุกอย่างที่สำคัญเราจะไม่สนใจ จะสนใจแค่อย่างเดียวคือเกม การแข่งขันในเกมอย่างเดียว พอเกมถึงจุดที่ไม่มีการแข่งขันแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้เราดูท้าทาย หรือมีคุณค่า เรามองไปที่เพื่อน รู้สึกเฉยๆ ไม่คิดว่าจะกลับไปทำ แค่มองแล้วรู้สึกว่าขนาดไม่มีเราในวันนั้น โอ้โหโครงการยังก้าวเดินมาถึงวันนี้ ใกล้จุดที่จะสำเร็จแล้ว ไม่มีเราเขาทำได้ขนาดนี้ คิดว่าถ้าเรากลับไปทำจะดีไหม ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องทำไป เป็นเพราะอะไร หรือเพราะเรามาอยู่ในชุมชนนี้แล้วรู้สึกว่ามีความสุขกับชุมชนนี้ มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน เราคิดแบบนั้นหรือเปล่า เรายังไม่รู้ตัวเองทำไมเราถึงกลับมาทำ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงสำหรับตัวเราคือเรากล้าพูด กล้าคิด กล้าลงมือตามเรา ทำทุกอย่างด้วยตัวเราเอง ไม่จำเป็นว่าต้องมีเพื่อน ถ้าไม่มีเพื่อนลงพื้นที่กับเรา เราก็สามารถทำคนเดียวได้ นั่นคือสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลง จากเด็กที่ไม่กล้าทำอะไรเลย
ถาม แต่เดิมเป็นเด็กอย่างไรนะ?
ตอบ ติดเกม และไม่สนใจเรียน ไม่เอาเลย ได้เกรด ตอนนั้น ไม่ถึงสามแต่ก็ไม่ตกจากสอง สองถึงสาม รู้สึกว่าแย่
ถาม พอมาเข้าร่วมโครงการตัวเราเปลี่ยนแปลงไปไหม การเรียนวิถีชีวิตเรา?
ตอบ ถ้าเป็นการเรียนไม่เปลี่ยน พอเรามุ่งหวังกับเรื่องหนึ่งเรื่องเรียนเราแค่ทำให้ดีแต่ไม่ดีที่สุด เรื่องเรียนเรียนได้ไม่แย่
ถาม มีเป้าหมายเรื่องชุมชน อยากสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไร?
ตอบ ถ้าผมทำโครงการอย่างหนึ่ง ผมจะคิดว่าสามารถทำให้สำเร็จได้ไหม จะต้องมีใครมาช่วยบ้างเราต้องคิดอย่างนี้ก่อน คนที่คอยสนับสนุนก็จะมี ครูที่สนิท พี่เลี้ยงโครงการ เพื่อน ถ้าเป็นเพื่อนจะช่วยเหลือกันตลอด แบ่งหน้าที่
ถาม เป้าหมายของแงคืออะไร?
ตอบ ทำอย่างไรให้ตัวเองมีความคิดเป็นผู้นำ เราสอนคนอื่นได้แต่สอนตัวเองไม่ได้ งานออกมาดีแต่เราไม่สามารถคุมตัวเองได้ แต่เรากลับสอนคนอื่น ถ้าเราเรียนรู้จากตรงนี้ไปเรื่อยๆ บวกกับการเรียนในชั้นที่สูงขึ้น เราน่าจะมีกระบวนการคิดที่มากขึ้นกว่านี้ และเรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับโลกภายนอก เราจบจาก ม.3 ก็ต้องไปเรียนรู้สังคมใหม่ ต้องปรับตัว ทำอย่างไรให้อยู่กับโลกภายนอกได้
ถาม ตอนนี้เราสอนน้องๆ ได้ เรื่องโครงการแต่ยังเปิดรับความรู้ใหม่ๆ ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่ง?
ตอบ ยังไม่เก่งพอ อย่างนี้ที่ฝนบอกว่ามีโลกโซเชียลเข้ามา การเล่นเกมตอนนี้เราก็เล่นแต่ไม่เล่นทุกวันจนติด เล่นในช่วงเวลาว่าง เล่นกับเพื่อนที่เรารู้จักในโลกออนไลน์ เราเคยสอนเขา ความคิดและคำพูดของเราดูเกินอายุ เขาเลยคิดว่าเราเรียนจบแล้วหรือเปล่า รู้สึกว่าเราไปได้ขนาดนั้นเลยเหรอ คนที่เขาพูดคิดว่าเราคิดได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ก็รู้สึกดีจึงทำต่อ พูดให้คนอื่นเขาฟังต่อไปเรื่อยๆ บางคนคิดได้ ต้องการเราในสถานการณ์ที่ย่ำแย่หรือช่วงที่รู้สึกแย่
ถาม เราสามารถพูดให้เขาดีขึ้นได้?
ตอบ พอเขาดีขึ้น เรารู้สึกดีตาม ทำต่อ นี่คือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
ถาม มีนิสัยอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง?
ตอบ เรื่องคำพูด เมื่อก่อน แย่มาก พูดเรื่องลามกหื่นๆ บ่อย คำพูดคำจาหยาบคายเยอะมากไม่มีคำดีๆ เลย พอเราเข้ามาปีแรกที่เข้าโครงการยังมีคำพวกนี้อยู่ คือเราห้ามตัวเองไม่ได้ปีเดียว พอเราเปลี่ยนเราก็รู้สึก ว่าโตขึ้นต้องทำอย่างไร ให้อยู่กับสังคมที่เราต้องอยู่ตรงนี้ให้ได้ ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไร
ถาม อะไรที่ทำให้เรามีความคิดแบบนี้ว่า ฉันจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง?
ตอบ ผมเคยดูพี่คนหนึ่งใน YouTube เขาเคยเป็นเด็กไม่ดี แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นอีกคนหนึ่งได้ เรามีจุดมุ่งหมายว่าทำไมเขาเปลี่ยนได้ เขาหนักกว่าเราอีก เขาเปลี่ยนได้เราไม่หนักขนาดนั้นเท่าเขา ถ้าเราจะเปลี่ยนแบบเขาได้ไหม นั่นคือจุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเราเปลี่ยนไป
ถาม แงมีความฝันไหมว่าอยากทำอะไร?
ตอบ จากที่บอกตอนแรกที่ผมติดเกม ตอนนี้ความรู้สึกอยากเป็นเกมเมอร์ พวกสตรีมเกมให้คนอื่นเห็น มันเชื่อมโยงกับโครงการที่เราทำ พอเราทำโครงการ เกมเมอร์ของเรายังมีแต่คนน้อยลง สิ่งที่เพิ่มมาเราอยากบรรยายให้คนอื่นเห็นคนอื่นฟัง ให้น้องๆ ฟัง ไปเป็นผู้บรรยาย เป็นคนทำสื่อ
ถาม เป็นผู้บรรยาย เป็นวิทยากร อย่างนี้เหรอ เป็นคนทำสื่อ เกี่ยวกับอะไร?
ตอบ ใช่ครับ สื่อที่ผมคิด เรื่องความรัก คติสอนใจให้กับน้องๆ หรือเพื่อนๆ อาจเป็นสังคมภายนอกที่คุณไปอยู่แล้วคุณจะมีสิ่งที่ต้องแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร
ถาม มีเป็นนักพูดด้วย?
ตอบ ใช่ครับ คือทำให้ความฝันเราเปลี่ยนได้ครับ
ถาม หมายถึงตัวแงสามารถเป็นสื่อกลาง ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับคนอื่นได้ ถ้าให้เลือกหนึ่งอย่างจากแงคนเดิมที่ไม่ค่อยเรียนหนังสือ จนถึงปัจจุบันที่มาถึงการเปลี่ยนแปลงหนึ่งอย่างที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สุดของแง คือเรื่องอะไร?
ตอบ ความคิด เมื่อก่อนเราคิดอะไรไม่ได้ว่า ใครสำคัญบ้าง หรือใครไม่สำคัญกับเราบ้าง คนที่ไม่สำคัญคือวันหนึ่งเขาจะสำคัญกับเราไหม เราจะต้องให้ความสำคัญกับเขามากน้อยแค่ไหน พอเราคิดได้เราก็อยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ
ถาม มีเหตุการณ์ไหนที่เราได้เห็นว่า ได้เรียนรู้เรื่องนี้ว่ามีคนสำคัญกับเรา สำคัญมากน้อยแค่ไหน?
ตอบ เรื่องการติดเกม พอเราติดกลับมาบ้านพอเกมจบเรารู้สึกว่าทำไมเราถอยออกมา เราทิ้งเพื่อนๆ ไว้อย่างนี้ พ่อแม่ถามว่างานเสร็จแล้วเหรอ เราก็บอกว่าเราเสร็จแล้ว แต่จริงๆ เรากลับมาเล่นเกม เรารู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์กับเราเลย โกหกพ่อแม่ทิ้งเพื่อนให้ทำงาน อะไรก็แย่ไปหมดเลย ก็ยอมรับกับพ่อแม่ว่าตอนนั้นเราดีดตัวออกมาจริงๆ ตอนนี้ เหมือนพ่อแม่ยังไม่เชื่อใจว่าไปไหน
ถาม ใครเป็นคนฉุดเราขึ้นมา?
ตอบ ตัวเราเอง เราไม่รู้ว่าเปลี่ยนได้อย่างไร จุดนั้นเราก็อยากจะลุกขึ้นมาทำโครงการต่อกับเพื่อนๆ เราเห็นเพื่อนๆ จากที่ไม่มีเราเขาก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ คิดว่าถ้ามีเราคอยช่วยเหมือนเดิมจะดีไหม
ถาม ตอนที่ไปบอกใน น้องๆ ทีมงานว่าฉันจะกลับมาแล้ว?
ตอบ โอโห ตอนนั้นเราพูดในใจว่าจะได้กลับไปไหม หวาดเสียวเหมือนกัน เพื่อนบอกว่าจะกลับมาจริงๆ เหรอจะช่วยอะไรได้ คำนั้นคือตัดกำลังใจเราไปแล้ว แต่เราก็ยังไม่เป็นไร เคยทำพลาดขอกลับมาแก้ไขหน่อยนะ อย่างน้อยเพื่อนยอมรับให้เรากลับมาทำ เราเปลี่ยนตัวเองได้ ผมเคยทำโครงการก่อนหน้าเพื่อน ทำมาห้าปีกับพี่ๆ สกว. เราอาจมีความรู้ที่แน่นกว่าเพื่อน เราก็คอยสอนเพื่อนๆ มาตลอด
ถาม เราไปช่วยเติมเต็มทีมอย่างไรบ้างให้โครงการประสบความสำเร็จ?
ตอบ เราพูดเนื้อหาประสบการณ์ที่เราได้มา เช่น ถ้าทำแบบนี้เสร็จออกมาอย่างน้อยเพื่อนจะได้กล้าแสดงออก จะได้เห็นตัวเราเองด้วยว่าสนใจมากน้อยแค่ไหน โครงการอื่นที่ทำโครงการร่วมกันเรา เวลาเข้าร่วมประชุม ผมมองเห็นว่าเด็กบางคนเขาไม่สนใจ มากับเพื่อนเฉยๆ ตัวเขาไม่ให้ความสำคัญ มาสนุกอย่างเดียว ไม่ได้ใส่ใจมาเอาความรู้
ถาม แงเป็นคนให้กำลังใจเพื่อน ชี้ให้เพื่อนเห็นว่ามีความรู้จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงไป?
ตอบ ผมไม่ได้ช่วยแค่ในโครงการเรา ถ้ามีน้องๆ ในโครงการไหนที่ผมมีไลน์ ก็จะถามว่าถึงไหนแล้วเดินหน้าหรือยัง
ถาม เป็นคนช่วยติดตามงาน?
ตอบ ใช่ ตรงไหนยังไม่ได้ ถ้าช่วยได้เราก็ช่วย
ถาม แงทำหน้าที่อะไรในโครงการ?
ตอบ ลงพื้นที่ สรุปเก็บข้อมูล มานำเสนอ ให้พี่ๆ ในโครงการฟัง ว่าโครงการมาอย่างไร เดินหน้าไปถึงไหน สัมภาษณ์ ถ้าคนน้อยเราก็ทำมาก ถ้าคนในทีมมีมากเราก็แบ่งหน้าที่ให้เรามีบทบาทน้อยลง เพื่อให้เพื่อนมีบทบาทมากขึ้น เท่าเทียมกับเรา
ถาม เรียนรู้อะไรบ้างจากการทำโครงการ?
ตอบ เรื่องเพื่อน บางทีเพื่อนที่ใกล้ตัวที่สุดแต่อาจจะอันตรายที่สุด บางทีเราอยู่ใกล้กับ เขาคอยให้คำปรึกษาเราก็จริงแต่เขาก็เป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่ รู้สึกว่าเขาเอาเรื่องของเราไปพูด ซึ่งเป็นความจริงแต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดออกมาให้คนอื่นได้ยินแล้วเรารู้สึกแย่ เราแค่ให้เขามองมาในตัวเราก็พอ ให้เขามองที่การกระทำของเรามากกว่า บางทีผมทำอะไรไม่ต้องการให้ใครรู้ เรื่องดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่ เรื่องดีเราก็เก็บไว้ เรื่องไม่ดีเราก็เก็บไว้ ไม่ต้องการให้ใครรู้ ใครรู้ก็ปล่อยให้รู้ไป ถ้าไปพูดต่อก็เรื่องของเขา การเรียนรู้นี้เกิดขึ้นจากในโครงการ โลกภายนอก และชุมชนเราด้วย ไม่ยึดติดอะไรตรงนั้น เราทำอะไรก็รู้อยู่ในใจเรา
ถาม ข้อเรียนรู้ข้อที่สองของแง?
ตอบ การปรับตัวของผมที่มีต่อผู้สูงอายุภายในชุมชน เมื่อก่อนเราไม่กล้าเข้าหาพูดคุยกับผู้สูงอายุ คนในชุมชน ถ้าไม่รู้จัก พอได้เข้ามาเรียนรู้ได้ลงพื้นที่ เราไม่รู้จักพอเราได้ไปพูดคุย ไม่รู้สึกว่าแย่ เขาก็รู้สึกดีด้วยที่คุยกับเรา เมื่อก่อนเราไม่กล้าที่จะถามเขาก่อน เราเข้าไปแค่ถามชื่อ ไม่ได้ถามลึกละเอียด ตอนนี้เราสนิทเราสามารถถามทุกอย่างในตัวเขาได้ ชื่ออะไร เป็นอย่างไร
ถาม สังเกตเห็นและปรับทัศนติ มีทัศนคติต่อผู้สูงอายุอย่างไรบ้าง?
ตอบ เปลี่ยนแปลง เขาสนใจเรามากขึ้น และเราก็สนใจเขามากขึ้นไม่มีช่องว่าง สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเล่าได้มากน้อยแค่ไหน
ถาม พอเราได้คุยกับผู้สูงอายุความรู้สึกของแงเป็นอย่างไรบ้าง?
ตอบ ตอนแรกคือไม่ชอบเลย ไม่อยากรับฟังเวลาเขาเล่าอะไรเลย พอเราเข้าใจ ไม่รู้สึกรำคาญเลย รู้สึกว่าเรามาทำงานเราต้องรับ อดทนได้ ข้อเรียนรู้ข้อที่สามคือ การออกแบบข้อมูลของเราเอง แบบสอบถามจากที่ไม่มีใครเคยทำ คิดค้นขึ้นมาใช้เองได้ แบบบันทึกข้อมูลของเราเอง เราจะแยกผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดสังคม แยกออกไป พอลงพื้นที่จะเอาแบบสอบถามลงไปด้วย ถามเขาแล้วก็จดตาม
ถาม เราสามารถหาข้อมูลได้ จัดหมวดหมู่ได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่องานวิจัยของเรา สามารถจัดหมวด และบริหารจัดการได้ แบบบันทึกที่คิดค้นขึ้นมาใช้ได้ไหม?
ตอบ ได้ไม่ได้อยู่ที่การลงพื้นที่ครั้งนี้จะเห็นผล ดีหรือไม่ดี ก็จะไปเล่าให้เขาฟัง ถ้าไม่ดีพร้อมปรับแก้
ถาม ถ้าให้ชื่นชมตัวเองข้อดีของแง ในการทำโครงการนี้คืออะไร?
ตอบ เวลาเราพูดแล้วคนอื่นเข้าใจ เมื่อก่อนเราพูดไม่เข้าหูใคร พูดอะไรก็น่ารำคาญไปหมด ตอนนี้เราพูดแล้วมีคนชอบสิ่งที่เราพูดก็ดีใจ
ถาม แงคิดว่าความเข้าใจของตัวเองต่อโครงการนี้ ช่วยให้แงพูดเป็นขั้นตอนมีลำดับขั้น มากขึ้นไหม อย่างไร?
ตอบ มากขึ้น โครงการนี้ช่วยทุกอย่าง ทำให้เราเปลี่ยนได้ก็รู้สึกดีแล้วครับ พี่อ้วน พี่เลี้ยงในโครงการเคยพูดเสมอว่า ถ้าเปลี่ยนได้ต้องเปลี่ยนจากตัวเราเอง พอเราเปลี่ยนตัวเองได้เราก็รู้สึกว่า อยากทำต่อเดินหน้าต่อไม่ท้อแล้ว โครงการแรกอยู่ที่เราด้วยว่าจะหยุดหรือทำต่อ พอทำต่อและจบโครงการนี้เราก็อยากทำต่ออีก แค่ว่าต้องหาเพื่อนใหม่ พอจบ ม. 3 จะต้องแยกย้ายกันหมด
ถาม โครงการต่อไปในอนาคตหลังจบโครงการนี้ มีวางแผนว่าจะทำโครงการอะไรต่อไหม?
ตอบ น่าจะเกี่ยวกับโรงเรียนที่ผมจะไปศึกษาต่อคือ ยังไม่เห็นข้อเสีย จะค้นหาว่ามีอะไรบ้างแล้วเอามาแก้ไข ตรงนี้ได้พูดกับทางโรงเรียน ติดต่อกับทางโรงเรียนไว้แล้วว่าจะไปเรียนที่นั่น จะมาพัฒนาโรงเรียนไปเรื่อย โรงเรียนที่ดีอาจจะไม่ได้มีข้อดีเสมอไป อาจมีข้อเสียอยู่ อยากจะพัฒนาโรงเรียน แต่ว่า พอพัฒนาโรงเรียนจะต้องมีข้อเสียที่ใหญ่ เมื่อได้เข้าไปศึกษาต่อ จะต้องมีการจัดชมรมขึ้นมา คิดว่าจะจัดชมรมโครงการเกี่ยวกับการดูแลโรงเรียนขึ้นมา ถ้าใครสนใจก็มาทำ สร้างทีมใหม่ เอาคนที่สนใจจริง ทำให้เราเปลี่ยนตัวเองไปด้วยเพราะต้องไปเจอสังคมที่ไม่เหมือนสังคมที่เราอยู่ตอนนี้ เพื่อนที่นี่เข้าใจเรา ไปอยู่ตรงโน้นอาจจะเจอเพื่อนที่ไม่เข้าใจเราและอยู่กับเราไม่ได้
ถาม สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับโครงการนี้คืออะไร?
ตอบ การตอบคำถามของพี่เลี้ยงที่เขาถามเรามาเพราะว่าบางทีเขาเจาะลึก เข้าไปจนเหมือนกับว่าเรามีความรู้ที่ยังไม่พอ ต้องไปหาเพิ่มจนรู้สึกว่าไม่ยากแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรยากอยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรให้มันออกมาดีมากกว่า เวลาที่เขาถาม คำถามแรกเราตอบได้เพราะเราหาข้อมูลมาแล้ว แต่พอเขาถามลึกเข้าไปอีก ลึกจนถึงข้อมูลที่ไม่เพียงพอเราไม่ได้ขอมา เราก็ต้องไปหาเพิ่ม เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด ต้องรู้ให้ถึงที่สุด
ถาม สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการทำโครงการของแง?
ตอบ ไม่ประทับใจตัวเอง ประทับใจเพื่อนมากกว่า เพราะเห็นเพื่อนเปลี่ยนไปมากกว่าเราด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่มีเราเขาก็สามารถดำเนินโครงการเราต่อจนเสร็จ ตลอด 9 เดือน นานมาก ตอนนั้นเราลืมด้วยซ้ำ พอเรากลับมาอีกที ถามเพื่อนอ้าวจะไปค้างคืนที่ไหน เพื่อนลาครู ไปทำโครงการสิ่งที่เห็นกลับมาคือเพื่อนทำจนสำเร็จ เราก็เลยอยากทำต่อ
ถาม สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาในตัวเราคืออะไร?
ตอบ การเป็นผู้นำ การพูดให้คนอื่นเข้าใจคล้อยตาม คือสิ่งที่ได้มามากที่สุด
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ