วิลาสินี เกียรติศักดิ์เจริญ (แก้ม) อายุ 15ปี เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โรงเรียนถาวรานุกูล
โครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยอย่างมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนกับคนในชุมชนบ้านปากง่าม ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
สัมภาษณ์วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
ถาม ช่วยแนะนำตัวเองและโครงการที่ทำ?
ตอบ วิลาสินี เกียรติศักดิ์เจริญ ชื่อเล่นแก้มค่ะ ทำโครงการศึกษาการใช้ประโยชน์จากต้นกล้วยอย่างมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนกับคนในชุมชนบ้านปากง่าม
ถาม ทำไมถึงสนใจเข้าร่วมโครงการ? เริ่มต้นจากอะไร?
ตอบ หนูสนใจหัวข้อนี้เพราะว่าน้องๆ และเพื่อนในทีมที่บ้านปลูกล้วยกันอยู่แล้ว บ้านของหนูก็ปลูกกล้วย หนูอยากรู้ว่าเค้าเอากล้วยไปทำอะไรบ้าง ก่อนที่เข้าร่วมโครงการพวกหนูไปเดินสำรวจบริเวณบ้านว่าแต่ละบ้านเขาทำอะไรบ้าง วันที่หนูไปสำรวจหนูเห็นบ้านหนึ่งเขาตัดกล้วยทิ้งไว้ขวางถนน หนูสงสัยว่าทำไมเขาถึงตัดต้นกล้วยทิ้งไว้ ทำไมไม่จัดการให้เรียบร้อยหรือเอาต้นกล้วยไปทำประโยชน์อย่างอื่น พอเห็นแบบนี้หนูก็คิดว่าเป้าหมายหลักของเราเราน่าจะทำเรื่องกล้วย ตอนหนูไปเล่นน้ำอยู่เห็นต้นกล้วยลอยอยู่ในน้ำเยอะมาก เราเกิดความสงสัยว่าตอนนั้นเราเจอที่ถนน แล้วยังไปเจอต้นกล้วยในน้ำอีกทำให้ทรัพยากรในน้ำเน่าเสีย
ถาม หลังจากเกิดคำถามในวันนั้นเราได้ทำอย่างไรต่อไป?
ตอบ หนูไปสืบค้นว่าเวลาที่เขาทิ้งต้นกล้วยมันทำให้เป็นขยะ มันจะเน่าเสียส่งกินเหม็นเพราะบางทีเป็นแค่ของเล็กๆ ยังส่งกินเหม็นขนาดนั้นเลย แล้วถ้าเปลี่ยนคลองใหญ่จะเป็นอย่างไร บริเวณสองฝั่งคลองจะมีต้นไม้ต้นกล้วยอาจจะไปติดและขวางทางจราจร จังหวัดสมุทรสงครามเป็นเมืองที่มีแม่น้ำ ตลาดน้ำอัมพวามีนักท่องเที่ยวลงเรือมาชมหิ่งห้อยเยอะ อาจจะทำให้เกิดอันตรายในตอนกลางคืน ถ้าต้นกล้วยไปขวางใบพัดเรืออาจจะทำให้เรือหมุนและไปต่อไม่ได้
ถาม ปกติชาวบ้านเอาต้นกล้วยไปทิ้งที่ไหน?
ตอบ ส่วนใหญ่ไม่ทิ้งพี่ถนนก็โยนทิ้งลงในแม่น้ำไปเพราะบางบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันจริงๆ ต้นกล้วยอาจจะย่อยสลายได้แต่ใช้เวลานานกว่า
ถาม ก่อนเข้าร่วมโครงการตัวเราเป็นคนแบบไหน?
ตอบ หนูเป็นคนนิ่งๆ ถ้าไม่รู้จักใครจริงๆ เขาอาจจะมองรู้ว่าเป็นอัจฉริยะแน่ๆ ดูจากการที่หนูใส่แว่นเป็นเด็กเรียน แต่ถ้ารู้จักหนูจริงๆ หนูเป็นคนบ้ามาก ถ้าหนูอยู่กับคนที่สนิทหนูจะพูดไม่หยุดหนูเป็นคนเข้ากับคนได้ง่าย หนูเข้าร่วมโครงการเพราะว่าอาจารย์พรพินธ์โทรมาชวน หนูตอบอาจารย์ว่า “หนูขอคิดดูก่อน หนูอยากนอนอยู่บ้านเฉยๆ” หนูก็วางสายจากอาจารย์ไป หลังจากนั้นมายด์ส่งข้อความมาหาหนูถามหนูว่า “จะไม่ทำจริงๆ เหรอ” เขาบอกว่าหนูพูดเก่งนะทำไมไม่ลองทำ หนูเลยคิดว่าลองทำดูก็ไม่เสียหายอะไร หลังจากนั้นหนูลองทำดูและค้นพบตัวเองว่าเราไม่ได้เหลวไหลไปวันๆ นะ
ถาม คิดว่าเพราะสาเหตุอะไรอาจารย์ถึงชวนทำโครงการ?
ตอบ อาจารย์น่าจะเห็นความสามารถในการพูดของหนู เพราะหนูเป็นคนพูดมาก ตอนที่เรียนกับอาจารย์หนูเป็นคนพูดเก่ง
ถาม โตขึ้นหนูฝันอยากจะเป็นอะไร?
ตอบ หนูคิดเอาไว้เยอะมาก ถ้าเกี่ยวกับภาษาหนูอยากเป็นล่าม, ทูต และแอร์โฮสเตส หนูชอบเกี่ยวกับภาษามากๆ หนูจะติดเรื่องไม่กล้าแสดงออก หนูกลัวเวลาพูดต่อหน้าคนเยอะๆ กลัวพูดผิดแล้วคนอื่นจะขำ
ถาม ทำไมถึงสนใจทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับชุมชน?
ตอบ โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่หนูได้ทำอะไรร่วมกับชุมชน หนูรู้สึกว่าหนูได้พัฒนาเรื่องการพูด ความคิด เมื่อก่อนหนูไม่เคยคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ หนูคิดอะไรแต่เรื่องขำๆ ชอบทำให้เพื่อนมีความสุข พอหนูเห็นคนอื่นยิ้มได้หนูจะมีความสุข บางทีเพื่อนบอกว่าแกมีประโยชน์นะแก้มพูดเก่งช่วยนำเสนอได้ แต่เวลาลงมือทำงานกลุ่มหนูจะไม่ค่อยช่วยคิด หนูจะบอกเพื่อนว่าเดี๋ยวเราเป็นคนนำเสนอเพราะเราคิดไม่ค่อยออกหนูไม่ถนัดคิด มีวันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มไม่มาเหลือแค่ 2 คน หนูเลยช่วยเพื่อนคิดนั่นคือจุดเริ่มต้นที่หนูได้เปิดใจ ทำให้หนูรู้ว่าเราก็คิดได้แต่อาจจะยังไม่เก่ง เราสามารถพัฒนาความคิดได้
ถาม งานของโรงเรียนแตกต่างกับงานที่ทำร่วมกับชุมชนอย่างไร?
ตอบ งานที่โรงเรียนเป็นอะไรที่ไม่เครียดไม่ต้องจริงจัง ถ้าจริงจังคือห่วงคะแนนของกลุ่มมากกว่ากลุ่มเราจะไปได้ดีกว่ากลุ่มอื่นไหม มันมีเรื่องการแข่งขัน ในห้องจะแยกว่าคุณเก่งจับคู่กับคนเก่ง คนไม่เก่งจับคู่กับคนไม่เก่ง คนที่ไม่ค่อยได้ช่วยงานมาจับคู่กัน สำหรับหนูจะเอาคนไม่ค่อยเก่งและไม่ค่อยทำงานมาเข้าร่วมกลุ่ม เพราะคนเก่งเขาไม่อยากได้เพื่อนเหล่านี้ หนูบอกเพื่อนว่าเรามาพิสูจน์กันไหม ทำให้เพื่อนเห็นว่าเราทำได้ แล้วเราก็ทำได้จริงๆ งานชุมชนใช้ความคิดเยอะกว่าเพราะมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่งานโรงเรียนมีแค่เด็กและอาจารย์ที่เป็นคนฟัง งานชุมชนจะต้องทำให้ผู้ใหญ่สนใจโครงการเรา ทำอย่างไรให้ผู้ใหญ่เข้าใจถึงงานที่เรากำลังทำอยู่ ทำอย่างไรให้น้องมาสนใจโครงการและพวกเรามากขึ้น
ถาม หลังจากได้เข้าร่วมโครงการตัวเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ?
ตอบ ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ทำโครงการหนูจะเป็นคนแสบมาก ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่ว ใครเข้ามาในโรงเรียนจะต้องโดนแกล้ง หนูจะไม่อยู่นิ่งหนูจะพูดตลอด พอเพื่อนเศร้าหนูจะค่อยไปปลอบใจเพื่อน พอเข้าร่วมโครงการบุคลิกหนูเปลี่ยนจะเป็นคนนิ่งขึ้น เวลามีงานเข้ามาหนูจะเป็นคนบอกว่าต้องทำอันไหนก่อน ชวนเพื่อนคิดเป้าหมายว่าจะทำอะไร บอกเพื่อนให้ทำแบบเป็นขั้นตอนอย่าข้ามขั้น คิดงานเป็นระบบและทำให้งานราบรื่นขึ้นด้วยซึ่งแตกต่างกับกลุ่มอื่น หนูลองเอาวิธีการนี้ไปใช้กับงานของตัวเอง หนูพบว่ามันดีกว่ากลุ่มอื่น ได้เรื่องทักษะการพูดเมื่อก่อนหนูจะพูดไม่รู้เรื่องเสียงจะสั่น อย่างตอนนี้หนูพยายามจะพูดให้เข้าใจ พูดช้าลง เพื่อให้เข้าใจได้มากที่สุด ความคิดโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อก่อนจะคิดอะไรก็เอาแต่เล่น พอเราเข้ามาทำโครงการนี้จริงๆ ทำให้เราคิดถึงชุมชนมากขึ้น คิดถึงน้องๆสมมุติว่าถ้ากล้วยถูกทำลายกันหมด คนรุ่นหลังจะรู้ไหมว่ากล้วยที่เราปลูกมีประโยชน์มากมายกับบ้านของเรา
ถาม จุดเปลี่ยนที่เป็นที่สุดของตัวเองคือเรื่องอะไร?
ตอบ ความคิด ความคิดของหนูเปิดกว้างขึ้น ไม่ได้คิดถึงแค่ตัวเองคนเดียว คิดถึงน้องๆ และคนในทีม
ถาม เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนนี้คือ?
ตอบ วันที่จัดเวทีวันแรกน้องคนที่ออกจากทีมไปเขาชอบบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้ หนูเริ่มฉุนเพราะหนูเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วย หนูคิดว่าถ้าไม่คิดจริงจังอะไรสักอย่างงานจะสำเร็จไหม ตอนนั้นบรรยากาศในทีมเริ่มเงียบ หนูคิดว่าเราลองมาช่วยกันไหม เราลองพิสูจน์ตัวเองไหมว่าเราทำได้ เริ่มจากการที่เราพูดกับคนในทีมว่าเรามีความคิดเห็นอะไรบ้าง ถ้าเราจะเอาเป้าหมายนี้มีความคิดเห็นว่าอย่างไร ให้ทุกคนเขียนใส่ Post it ทุกคนเขียนมาหนูเอามาอ่านมีน้องคนหนึ่งเขียนว่า “ถ้าสมมุติเราคิดให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น งานของเราน่าจะสำเร็จขึ้นไหม อย่าคิดเป็นแบบเด็กๆ” ตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยนค่ะ คำนั้นทำให้เราคิดว่า “เราจะมาทำกันเล่นๆ แบบนี้ไม่ได้นะ “ โครงการนี้ทำให้ชุมชนเราพัฒนามากยิ่งขึ้น อาจจะทำให้ชุมชนของเรามีรายได้มีชื่อเสียงจากการขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกล้วย
ถาม ตัวเราได้เรียนรู้เรื่องอะไรจากการทำโครงการนี้?
ตอบ ถ้าถามทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันได้เรื่องทักษะ เรื่องความคิด เรื่องการแสดงออก แต่หนูได้เรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์กับคนในชุมชนและคนในทีมมากยิ่งขึ้น ถ้าเราไม่มีความสัมพันธ์ไม่สนิทสนมกันงานของเราอาจจะไม่ราบรื่นเพราะว่าต่างคนต่างไม่สนิทก็จะไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงความคิด
ถาม วิธีการสร้างความสัมพันธ์กับคนในทีมทำอย่างไร?
ตอบ อย่างน้องตูนไม่ได้เรียนประถมที่เดียวกันกับหนู น้องอาจจะเขินอาย หนูจะพยายามเล่นกับน้องบ่อยมากกว่าคนอื่นๆ หลังจากนั้นน้องจะเริ่มสนิทกับหนูก่อนและคนอื่นในทีมตามมา ใช้วิธีคุยกับเขาให้มากขึ้น
ถาม วิธีการสร้างความสัมพันธ์กับคนในชุมชนทำอย่างไร?
ตอบ วิธีการคือเริ่มจากการอ่อนน้อมถ่อมตนก่อน เจอใครก็ยกมือไหว้โดยไม่จำเป็นว่าเราจะต้องรู้จักใครเป็นผู้ใหญ่เรายกมือไหว้หมด ทำให้ผู้ใหญ่คิดว่าถ้าเราดีกับเขานอบน้อม เขาอาจจะช่วยเหลือเราก็ได้ เวลาที่เราไปเชิญชวนเขาเราต้องพูดจาไพเราะ ไม่ใช่ตระโกนว่าป้าไปช่วยหนูหน่อยดิ หนูขาดคนมากเลยเขาอาจจะไม่มาเข้าร่วม ถ้าเราพูดดีดีกับเขา เขาอาจจะรับปากถามเราว่าที่ไหนเมื่อไร ขอเบอร์เราไว้ได้ไหมจะได้ติดต่อกลับมา สำหรับหนูต้องเริ่มจากการมีสัมมาคาราวะกับผู้ใหญ่ก่อน
ถาม เคยมีความรู้สึกท้อแท้ไหม?
ตอบ เคยค่ะ มีช่วงหนึ่งหนูคิดไม่ออกว่าจะทำโครงการเกี่ยวกับอะไรดี กลับบ้านไปหนูนั่งซึมคิดว่าจะทำโครงการอะไรดี มะพร้าวก็มีคนทำ ขยะก็มีคนทำ ผู้สูงอายุก็มีคนทำหมดแล้ว หนูนั่งคิดทั้งวันทั้งคืนจนตอนเช้าน้องเสนอว่าบ้านหนูปลูกกล้วยนะ เราลองทำเรื่องกล้วยไหม ตอนนั้นหนูยังไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะหนูคิดว่ามันธรรมดาไป หนูต้องการแค่อย่างเดียวคือไม่เหมือนกับคนอื่นทำให้มันยิ่งใหญ่อลังการ แต่หนูมาคิดว่าถ้ายิ่งใหญ่ขนาดนั้นน้องในทีมจะตามเราทันไหม พอกลับไปคิดอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่น้องพูดมาก็ดีเหมือนกัน หนูไปหาข้อมูลว่ากล้วยทำอะไรได้บ้าง พอศึกษาแล้วเห็นว่าสรรพคุณยาวมาก หนูเลยฟันธงว่าจะเอาเรื่องกล้วยเพราะว่าดีที่สุดแล้ว ใกล้ตัวเราด้วยบ้านเราก็ปลูกด้วย
ถาม อะไรในตัวเราที่ทำให้เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในทีม?
ตอบ แต่ก่อนหนูยอบรับว่าหนูคิดถึงแต่ตัวเอง อยากให้โครงการเราดัง อยากสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน อยากให้โรงเรียนมีคุณภาพต้องเริ่มจากตัวเรา หนูคิดถึงแค่นั้นแต่เราไม่ได้คิดใส่ใจกับความคิดของเพื่อนและน้องในทีมเลย แม่หนูพูดกับหนูว่าถ้าคิดถึงแต่ตัวเองแบบนี้จะไปรอดหรือคนอื่นจะเห็นด้วยกับเราหรอหนูเลยคิดว่าถ้าเราเปิดใจดวงน้อยๆ ของเราอาจจะทำให้คนอื่นยอมรับตัวเราด้วยก็ได้หนูเริ่มจากการเปิดใจของเรา
ถาม หลังจากกลับไปบอกคนในทีมว่าเราสนใจเรื่องกล้วย คนในทีมมีความคิดเห็นอย่างไร?
ตอบ คนในทีมยิ้มแล้วบอกว่ารักพี่ที่สุดเลย ดีใจที่พี่คิดได้สักที พอได้ลองทำจริงๆ ทำให้เรารู้ว่าโครงการที่เราทำราบรื่น เรามีความสุขมากขึ้น เพราะว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่หนูอยากทำแค่คนเดียว
ถาม มีความจำเป็นแค่ไหนที่เด็กๆ ต้องคิดหัวข้อในการทำโครงการด้วยกัน?
ตอบ ความคิดของหนูค่อนข้างจำเป็น พอเราคิดเองคนเดียวเพื่อนที่เหลืออาจจะไม่ชอบเหมือนเราก็ได้ พอเราทำงานด้วยกันไปเพื่อนที่เหลือไม่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ สุดท้ายเพื่อนอาจจะไม่อยากทำอาจจะเหลือเราแค่คนเดียว หนูอยากให้คิดถึงเพื่อนๆ ในทีมด้วย
ถาม ช่วยเล่าความประทับใจจากการทำโครงการ?
ตอบ ประทับใจคนในทีม จากแต่ก่อนเดินสวนกันก็แค่ทักทาย ตอนนี้รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาคือครอบครัวเราที่คอยช่วยเหลือเราตลอด เรามีอะไรเขาก็ช่วยเหลือเราไปไหนไปกันตลอด คอยปลอบเวลาที่เราเศร้าเวลาดีใจเขาก็ดีใจกับเราด้วย มีเรื่องอะไรเราก็ระบายให้กันฟัง
ถาม พี่เลี้ยงในโครงการมีส่วนช่วยในการสนับสนุนพวกเราอย่างไร?
ตอบ คอยสนับสนุนเลี้ยงดูพวกเราดีมาก เวลาจะไปไหนแต่ละครั้งอาจารย์จะคอยทำส้มตำ ทอดไก่ให้เรา เขาดูแลเราเหมือนลูกหลาน เวลาไม่เข้าใจเรื่องโครงการเราสามารถไปถามและปรึกษาได้ อาจารย์เขาเปลี่ยนให้เราทุกอย่าง เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ อาจารย์ไม่เคยทิ้งพวกเราไปไหน ถึงแม้ว่าวันที่จัดเวทีนำเสนอเขาจะติดงานแต่เขากลับมาหาพวกหนูที่วัดกลางเหนือ ทำให้เรารู้ว่าพี่เลี้ยงคนนี้เป็นคนที่ดีมากเขาไม่เคยทิ้งเรา
ถาม อยากได้พี่เลี้ยงโครงการแบบไหน?
ตอบ สิ่งแรกคือต้องไม่ดุ ต้องใจดีเพราะหนูเป็นคนเจ้าน้ำตามาก อยากได้คนที่ใจดีเข้าใจเราแต่พอมาเจออาจารย์พรพินธ์เขาใจดีนะ หนูชอบเขาเพราะว่าเขาพูดจาตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ดูแลพวกเราดีทุกอย่าง ถ้าถามว่าอยากได้พี่เลี้ยงในฝันแบบไหนอยากได้แบบนี้ อยากได้พี่เลี้ยงที่ลุยไปกับเราได้ทุกที่
ถาม คุณสมบัติใหม่ที่ค้นพบจากการทำโครงการคือเรื่องอะไร?
ตอบ ความกล้าแสดงออก ความตื่นตัวของหนูทำให้ทุกคนยิ้มได้ จากแต่ก่อนที่คนมองว่าเป็นเด็กเรียนเด็กน่าเบื่อแต่ตอนนี้อยู่กลายเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดี อัธยาศัยดีทำให้ทุกคนมองหนูในมุมใหม่ว่าหนูไม่ใช่เด็กเรียนอีกต่อไป วันที่หนูไปจัดเวทีหนูได้ยินน้องคนหนึ่งบอกเพื่อนของเขาว่า “เดินไปหาพี่คนนี้สิ พี่คนนี้ใจดีนะไม่น่ากลัวนะ” หนูประทับใจมากอย่างน้อยน้องเขาไม่ได้มองว่าเราน่ากลัวอีกต่อไป น้องเขายิ้มและขอบคุณหนูที่หนูช่วยสอนเขา จากคำชมเป็นกำลังใจให้หนูทำโครงการต่อไป หนูไม่คิดที่จะทิ้งโครงการ