บทเพลง”ซอ” ภาษาปกาเกอญอ ที่หาฟังได้ยากแล้วในเวลานี้ เนื้อหาของบทเพลงบอกเล่าถึงวิถีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา ทว่ากำลังจะเลือนหายไปแต่วันนี้มีเด็กปกาเกอะญอกลุ่มหนึ่ง
จากชุมชนบ้านแม่สะแงะ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ที่เห็นความคุณค่าความหมายของนิทานและซอของตนเอง จึงรวมตัวกันทำโครงการสืบสานภูมิปัญญานิทานและซอปกาเกอะญอ
สำหรับนิทานปกาเกอะญอ นับเป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึง อุปนิสัย การใช้ชีวิตร่วมกันในชุมชน ส่วน ซอ นั้นเปรียบเสมือนบทเพลงหรือบทกลอนที่ทำให้เกิดความสนุกสนานและความบันเทิง พร้อมทั้งเนื้อหาของนิทานยังสอดแทรกคติธรรมสอนใจและเป็นบทเรียนให้ชีวิตที่ดีอีกด้วย
นอกจากที่เยาวชนบ้านแม่สะแงะ จะมีความเพียรในการสืบสานบทเพลงซอ ที่ต้องให้ความพยายามอย่างมากในการบันทึกและฝึกร้องแล้วต้องเข้าใจปริศนาที่แฝงอยู่ในบทเพลง ประสบการณ์เหล่านั้นได้ให้บทเรียนอะไรบ้างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ที่ทำให้พวกเธอภาคภูมิใจในนิทานซอปกาเกอญอ
“แค่เราเปลี่ยนตัวเอง ดึงความกล้าทั้งหมดที่มี เอาชนะความกลัว นี่คือจุดเริ่มต้น ให้เราเป็นคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก”
“การเข้าร่วมเวทีที่ได้มีโอกาสเจอเพื่อน ๆ ที่มาจากหลายที่ ร่วมโครงการเหมือนกัน ฝึกให้หนูเป็นคนกล้าคิด กล้าพูด และกล้าแสดงออก เพราะถูกฝึกให้พูดและรับฟังความคิดเห็นของเพื่อน แรกๆ หนูอายและกลัวมากที่ต้องพูดนำเสนอ เพราะพูดไม่ชัด กลัวว่าพูดไปแล้วเพื่อนจะหัวเราะ ตอนนั้นจำได้ว่าไปกัน 3 คน ถ้าเราไม่พูดก็ไม่มีใครพูด เลยแบ่งส่วนกันพูด พอได้พูดก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่คิด แค่เราเปลี่ยนตัวเอง กล้าเข้าหาเพื่อน กล้าพูดนำเสนอเท่านั้น” เปียโน กล่าว
เปียโน-นงค์นภา สง่าภูพาน
โครงการสืบสานภูมิปัญญานิทานและซอปกาเกอะญอ
“เดี๋ยวนี้ภูมิใจในภาษาของตัวเองมาก เวลาไปโรงเรียนก็ไม่อายที่จะพูดภาษาตัวเอง”
ทุกนิทานเรื่องเล่าที่ได้ฟังจากผู้เฒ่า ทุกคำซอที่ได้ซาบซึ้งจากการอรรถาธิบาย ทำให้เชียร์และเพื่อนๆ ไม่เพียงตระหนักถึงคุณค่าของภูมิปัญญาปกาเกอะญอ ยังภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม
“เดี๋ยวนี้ภูมิใจในภาษาของตัวเองมาก เวลาไปโรงเรียนก็ไม่อายที่จะพูดภาษาตัวเอง แถมยังพยายามสอนให้เพื่อนที่อยู่ในเมืองพูดด้วยค่ะ” เชียร์ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เชียร์-โสภา ลูงพนาดอน
โครงการสืบสานภูมิปัญญานิทานและซอปกาเกอะญอ
“ภูมิใจที่ชุมชนของตนเองมีนิทานกับซอที่ชุมชนอื่นไม่มี ตั้งใจว่าจะสืบทอดจากปู่ย่าตายายไว้ให้เด็กรุ่นหลังต่อไป”
จากการทำโครงการนี้แววบอกว่า เธอภูมิใจที่ชุมชนของตนเองมีนิทานกับซอที่ชุมชนอื่นไม่มี ตั้งใจว่าจะสืบทอดจากปู่ย่าตายายไว้ให้เด็กรุ่นหลังต่อไป ซึ่งตอนนี้แววสามารถเล่านิทานและซอได้แล้ว แต่ยังต้องฝึกเอื้อนเสียงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
แวว-รสิตา ใจหล้ากาศ
โครงการสืบสานภูมิปัญญานิทานและซอปกาเกอะญอ
การบ้านชิ้นใหญ่ที่ไม่เพียงทำให้คนต่างวัยในชุมชนได้พูดคุยกันมากขึ้น แต่ยังทำให้คนในวัยเดียวกันได้ฝึกทำงานร่วมกัน ได้พัฒนาตัวเอง และได้เปลี่ยนมุมมองความคิดไปไม่น้อย
เยาวชนกลุ่มเล็กๆ นี้จึงเป็นมากกว่าลูกหลานปกาเกอะญอ แต่ยังเป็นความหวังในการรักษาวิถีชุมชนบนฐานวัฒนธรรมให้ยั่งยืนต่อไป