ประวัติความเป็นมา
เครือข่ายพุทธิกาเป็นองค์กร
กลางที่ทำหน้าที่ประสานงานและผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาอย่าง
จริงจังและต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้
กับประชาชน และสร้างงานจิตอาสาให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
ด้วยการผลิตสื่อที่พัฒนาเชิงความคิด
และเน้นสร้างกิจกรรมที่สอดแทรกด้วยหลักธรรมและสามารถลงมือปฏิบัติได้อย่าง
เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองว่าหลักธรรมต่างๆ
สามารถนำมาอธิบายและปรับใช้ในชีวิตได้ง่าย
โดยหลักธรรมทางพุทธศาสนาที่เครือข่ายให้ความสำคัญคือ “บุญ” ที่เกิดจาก
“จิตอาสา” เพราะนอกจากการให้ทานแล้ว การทำบุญด้วยความดี
หรือการช่วยเหลือบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นและส่วนรวม
นั้นเป็นบุญที่มีพลังมหาศาลที่ไม่เพียงก่อเกิดคุณค่าแก่ตนเองแล้วยังเป็นการ
สร้างความดีงามให้แก่สังคมด้วย
จุดเด่นของงานในเครือข่ายพุทธิกาไม่
เพียงสามารถร้อยงานจิตอาสาและหลักธรรมไว้ในรูปแบบของกิจกรรมที่ปฏิบัติได้
อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
ทุกกิจกรรมยังเน้นสร้างการกระบวนการเรียนรู้ควบคู่จิตอาสา กล่าวคือ
นอกจากการสร้างสุขให้ผู้รับแล้ว
ผู้ปฏิบัติยังต้องเกิดกระบวนการเรียนรู้ตนเองใน 4 มิติ คือ กาย ใจ สังคม
และปัญญา
อันจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทัศนคติต่อคนรอบข้างและสังคมได้ดีขึ้น
วิสัยทัศน์
ส่งเสริมการนำธรรมะมาประยุกต์ใช้ในชีวิตอย่างสมสมัย และเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมามีคุณค่าต่อสังคม
พันธกิจ
สร้างสื่อและกิจกรรมให้ประชาชนเข้าใจแก่นแท้ของหลักธรรมทางพุทธศาสนา อันนำไปสู่สังคมที่ดีงามและสงบสุข
ความเป็นมาในการก่อตั้ง
จากวิกฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับพุทธศาสนาของไทย ทั้งปัญหาพระ
ประพฤติผิดพระธรรมวินัย ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่คณะสงฆ์ไม่ตื่นตัวอย่างมาก ในเรื่องการทำงานอาสา สมัครเครือข่ายพุทธิกายังจึงดำเนินงานด้านจิตอาสาเพื่อต่อยอดจิตอาสาในสังคมไทย
โดยริเริ่มโครงการ ฉลาดทำบุญ: จิตอาสาปันศรัทธาและอาทรร่วมกับเครือข่ายจิตอาสาและองค์กรภาคีอื่น ๆ ผ่านการสนับสนุนของแผนพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในช่วงเข้าพรรษา ปี พ.ศ. 2548 โดยมีกิจกรรมอาสาสมัครหลากหลายให้ผู้สนใจได้มาร่วมกิจกรรม โดยในปีแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร ราว ๆ 5-600 คน จากความสนใจงานอาสาสมัครดังกล่าว เป็นผลต่อเนื่องให้เกิดการขยายงานด้านจิตอาสาขององค์กรภาคีต่าง ๆ ต่อมาจนถึง ปัจจุบัน
วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน• ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและสังคม
• ฟื้นฟูบทบาทพระสงฆ์ในสังคม
• ส่งเสริมบทบาทพุทธบริษัทในสังคมไทย
• เป็นองค์กรประสานงานภาคประชาชนในการฟื้นพระพุทธศาสนา
• สร้างงานจิตอาสาให้เกิดขึ้นสังคมไทย
ผู้บริหารองค์กร
1. พระไพศาล วิสาโล |
8. นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ |
2. พระกิตติศักดิ์์ กิตฺติโสภโณ |
9. นายปรีดา เรืองวิชาธร |
3. นางสาวอรศรี งามวิทยาพงศ์ |
10. นายสมเกียรติ มีธรรม |
4. นางสาวนงลักษณ์ ตรงศีลสัตย์ |
11. นายนภนาท อนุพงศ์พัฒน์ |
5. นางสาวฐิติมา คุณติรานนท์ |
12. นางสาวมณี ศรีเพียงจันทร์ |
6. นายธวัชชัย โตสิตระกูล |
13. นางสาวพรรณี นัยสันทัด |
7. นายโอภาส เชฏฐากุล |
14. นางสาวพรทิพย์ ฝนหว่านไฟ (ผู้ประสานงาน) |
รูปแบบการบริหารจัดการ
มีการบริหารงานแบบเครือข่ายโดยมีศูนย์กลางที่เครือข่ายพุทธิกา โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานที่ทำหน้าที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลิตสื่อและริเริ่มกิจกรรที่สอดแรกด้วยหลักธรรมมะใหม่ๆที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ในสังคมและประสานงานการทำงานร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่าย ทั้งนี้แนวทางการในทำงานเกิดจากการประชุมร่วมกันขององค์กรภาคีเครือข่ายเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนในแต่ละปี ซึ่งเจ้าหน้าที่เครือข่ายจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยสร้างแนวความคิดและกิจกรรมใหม่ๆ และกระจายแนวคิดสู่เครือข่ายด้วยการสร้างกระบวนการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนกิจกรรมและสอดแทรกเนื้อหาเข้าไปในเนื้องานของแต่ละองค์กรโดยที่ยังคงเอกลักษณ์และศักยภาพของแต่ละองค์กรไว้
ความสำเร็จของการดำเนิินงาน
ภายใต้การดำเนินงานของเครือข่ายพุทธิกาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เกิดผลสำเร็จที่น่าพอใจ โดยสามารถเผยแพร่ความรู้ ความ
เข้าใจเกี่ยวกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน สร้างแนวคิดและกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นต้นแบบให้
ประชาชนสามารถนำไปปรับใช้เป็นหลักยึดในชีวิตประจำวัน รวมถึงสามารถสร้างงานและขยายผลคำว่า “จิตอาสา” และ “คุณค่าจากการทำดี” ให้เกิดขึ้นทั่วสังคมไทย ซึ่งทั้งหมดเกิดผลทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ดังนี้
• ด้านปริมาณ
- มีการจัดทำสื่อที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ,จิตอาสา ในมิติต่างๆ อาทิ หนังสือ ซีดี ดีวีดี ซึ่งสื่อบางชิ้น
ได้รับการตีพิมพ์มากถึง 65 ครั้ง มีจำนวนกว่า 300,000 เล่ม และยังมีความต้องการจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง
• ด้านคุณภาพ
- สร้างแนวคิดและกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม ทำให้ผู้เข้าร่วมเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ประชาชนสามารถนำหลักธรรมเข้าไป
ตอบสนองความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ สร้างงานจิตอาสา และขยายผลแพร่กระจายไปทั่วสังคมไทยสามารถพัฒนาผู้
เข้าร่วมในฐานะอาสาสมัครสู่ผู้ริเริ่มโครงการอาสาที่มีศักยภาพขยายองค์กรแนวร่วมให้เปิดรับอาสาสมัครให้เขาไปมีส่วน
ร่วมในการดูแลผู้ป่วย และเด็กมากขึ้น - การทำงานของอาสาสมัครเข้าไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรมากขึ้นสามารถเปลี่ยนแนวคิดการทำงานของแพทย์และพยาบาล
เงื่อนไขความสำเร็จ
- มีโครงสร้างการบริหารที่อยู่ในรูปแบบของคณะทำงาน และมีลักษณะ การดำเนินงานที่ค่อนข้างยืดหยุ่น เจ้าหน้าที่สามารถ
มีอำนาจตัดสินใจได้ ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน - มีการตั้งคณะทำงานย่อย ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลายด้าน คอย ให้คำแนะนำ ปรึกษาในการดำเนินงานเฉพาะด้าน
ของแต่ละโครงการ/ แผนงาน - มีการทำงานผ่านระบบเครือข่าย สร้างอาสาสมัครเพื่อการต่อยอดและ เป็นแกนหลักในการดำเนินกิจกรรมโดยมีเจ้าหน้าที่โครงการเป็นพี่เลี้ยง
- บุคลากรในองค์กรและภาคีเครือข่ายล้วนมีเป้าหมายและอุดมคติที่แน่ ชัดร่วมกันคือ การฟื้นฟูพระพุทธศาสนา และมุ่งเน้น “การพัฒนางาน” ไม่ใช่ “การพัฒนาทางด้านวัตถุ” หรือ “ชื่อเสียงขององค์กร”
- บุคลากรส่วนใหญ่ล้วนทำงาน “ด้วยใจ” ไม่คาดหวังในผลตอบแทน
- ความสัมพันธ์ของคนในองค์กรเป็นไปในลักษณะของเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่เจ้านายและลูกน้อง
- มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- สื่อและกิจกรรมที่จัดทำขึ้นสามารถประยุกต์หลักธรรมในพระพุทธ ศาสนามา
- อธิบายและให้คำตอบแก่ประชาชนได้อย่างชัดเจน
- มีการสร้างโจทย์ และกิจกรรมที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ของคนใน สังคม
- กระบวนการทำงานที่เน้น “การปฎิบัติจริง” เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ ตรง ไม่ใช่แค่เห็นด้วยตา หรือจากคำบอกเล่า
- เนื้อหางานที่ “สร้างสุข” แก่ผู้รับ ได้เปลี่ยนเป็น “ความภาคภูมิใจ” และ “แรงบันดาลใจ” แก่เจ้าหน้าที่ และ อาสาสมัครผู้ดำเนินงาน
- คนทำงานสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงและคุณค่าความสำเร็จได้ด้วย ตนเอง จึงเป็นแรงใจให้ทำงานต่ออย่างยั่งยืน
- การพัฒนางานที่เน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ เพื่อให้เกิดชุมชนจิตอาสา อย่างยั่งยืน
- การรวมตัวเป็นแบบหลวมๆ ไม่ได้ยัดเยียดหน้าที่ แต่เป็นการแบ่งงาน กันทำโดยสมัครใจจึงทำให้การทำงานมีพลัง เนื่องจากทำด้วยใจ
รางวัลความสำเร็จ
- ปี 2550 : โล่เกียรติคุณในฐานะองค์การที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น เนื่องในโอกาสวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทย โดยคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติและกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
• โครงการจิตอาสา ฉลาดทำบุญ จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำบุญของประชาชนให้ถูกวิธี ด้วยการรณรงค์แนวคิดเรื่องบุญขึ้นใหม่โดยใช้หลักธรรม ไวยาวัจจมัย การทำบุญด้วยความดี ใช้จิตอาสาแบ่งปันเอื้อเฟื้อ รวมถึงสละแรงกายช่วยเหลือผู้อื่นและส่วนรวม ซึ่งไม่เพียงนำไปสู่ "ความสำเร็จในบุญ" ที่ผู้ทำปรารถนา ยังเป็นการกระตุ้นให้คนในสังคมหันมาบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น และส่งผลต่อความเข้าใจชีวิตของตนเองอีกด้วย
• โครงการเผชิญความตายอย่างสงบ มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตวิญญาณให้เกิดขึ้นกับคนในสังคม โดยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตายและความตายในมิติทางศาสนา เอื้อเฟื้อให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการเจริญมรณสติ หรือการเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญความตายอย่างนอบน้อมไปสู่การมีชีวิตที่พอเพียง รู้จักการเอื้อเฟื้อแบ่งปันและมีคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้โครงการฯ ยังส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และช่วยเหลือทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณแก่ผู้ที่อยู่ในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิต รวมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนะและแนวทางในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ และมีระบบการดูแลช่วยเหลือที่เอื้อให้ผู้ป่วยและญาติสามารถเข้าถึงสุขภาวะทางจิตวิญญาณจากการตาย ไม่ว่าจะเป็นการตายที่บ้านหรือที่โรงพยาบาล
ต้องการสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง
เครือข่ายพุทธิกาเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม
ที่อยู่: เครือข่ายพุทธิกาเพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม 90 ซ.อยู่ออมสิน ถ.จรัญสนิทวงศ์ 40 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700
โทรศัพท์: 02-883-0592,02-886-9881,08-6300-5458
โทรสาร: 0-2883-0592
Email: b_netmail@yahoo.com
Website: http://www.budnet.info/
|