ประวัติความเป็นมา
หลายทศวรรษที่ผ่านมา
บทเรียนและประสบการณ์การทำงานพัฒนาขององค์กรพัฒนาเอกชนทั้งในเมืองและชนบท
ได้พัฒนาความรู้
ประสบการณ์ที่เกิดจากการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรชาวบ้าน
ในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของชุมชน การพัฒนาคุณภาพชีวิต การอนุรักษ์ ฟื้นฟู
ทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน
บนฐานความหลากหลายทางวัฒนธรรม
การสร้างการมีส่วนร่วมของหญิงชายในการพัฒนารวมทั้งการมีส่วนร่วมของชุมชนใน
ระดับนโยบาย การประสานพันธมิตรในการพัฒนา
การเชื่อมร้อยกลุ่มองค์กรประชาชนเป็นเครือข่ายความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหา
บทเรียนในการทำงานเหล่านั้นได้สั่งสมและยกระดับไปสู่ความรู้ใหม่
และกระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนา
กระบวนทัศน์และทิศทางการพัฒนากระแสหลักใน
ปัจจุบันทำให้ศักยภาพของชุมชนในการพึ่งตนเองลดน้อยลง
เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนขยายเพิ่มมากขึ้น
ด้วยแนวคิดการพัฒนาที่ให้ความสำคัญต่อความทันสมัย
และเป็นการพัฒนาแบบแยกส่วน ละเลยความสำคัญของคน ภูมิปัญญาท้องถิ่น
และสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการรวมศูนย์อำนาจในการพัฒนาเป็นการพัฒนาที่ทำให้คนระดับล่างทั้งหญิง
และชายขาดโอกาส และการมีส่วนร่วมในการรับรู้และตัดสินใจทั้งทางเศรษฐกิจ
การเมืองและสังคมวัฒนธรรม
ไม่ยอมรับสิทธิของชุมชนท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรและการพัฒนาตนเอง
แนวคิดในการพัฒนาดังกล่าว ได้นำพาให้ประเทศก้าวเข้าสู่วิกฤตของการพัฒนา
การแย่งชิงทรัพยากร และความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชน
โดยเฉพาะภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์
สังคมไทยต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
และเชื่อมโยงในหลายมิติ หลายระดับ ด้วยอิทธิพลความรู้ เทคโนโลยี
และการสื่อสารที่ไร้พรมแดน
ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาในยุคโลกาภิวัฒน์ที่นำไปสู่การ
เปลี่ยนแปลงทางความคิด ภูมิปัญญา และ
ค่านิยมของสังคมไทยอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทั้งทางเศรษฐกิจ
การเมือง สังคมและวัฒนธรรมของประเทศในระยะยาว
การพัฒนาที่ยั่งยืน
เป็นการพัฒนาที่เน้นความเป็นองค์รวม และบูรณาการ
ให้ความสำคัญกับการดำรงอยู่ของวิถีชีวิตของคนในชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และ
ความสมดุลของฐานทรัพยากรธรรมชาติ
อันนำไปสู่การพึ่งตนเองของชุมชนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เป็นการพัฒนาที่สร้างเสริมดุลยภาพของสังคม
ด้วยการพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง
และการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มต่างๆทั้งหญิงและชาย
โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสกลุ่มต่างๆในสังคมในการกำหนด
และตัดสินใจในการพัฒนาทั้งในท้องถิ่นและระดับนโยบาย
การให้ความสำคัญกับความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนและท้องถิ่น
รวมทั้งการประสานความร่วมมือขององค์กรทางสังคม
อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆของชุมชนและสังคมไทยโดยรวม
แนวคิด
และบทเรียนดังกล่าวข้างต้นเป็นที่มาของการก่อกำเนิดมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่
ยั่งยืน ที่ต้องการให้การพัฒนาที่ยั่งยืนได้รับการขยายผล
และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยการสนับสนุนการทำงานและสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนและ
องค์กรประชาชน
กลุ่มท้องถิ่นต่างๆในการเผยแพร่แนวคิดและสร้างบทเรียนการทำงาน
พัฒนาองค์ความรู้ และยกระดับภูมิปัญญาในการพัฒนา
รวมทั้งสนับสนุนการประสานความร่วมมือกับกลุ่มคนต่างๆในสังคม
เพื่อให้ผลประโยชน์ของการพัฒนาที่ยั่งยืนตกอยู่กับประชาชนระดับล่างโดยเฉพาะ
ผู้ด้อยโอกาสในสังคม
และสนับสนุนความสามารถในการพึ่งตนเองของชุมชนและสังคมอันจะนำไปสู่ความเข้ม
แข็งและความอยู่รอดของสังคมไทยโดยรวม
วิสัยทัศน์
โลกประกอบด้วยสรรพสิ่งที่เป็น
องค์รวม การเปลี่ยนแปลงใดๆ ย่อมส่งผลกระทบกับสิ่งอื่นๆ
บทบาทหน้าที่ที่อยู่รวมกันของมนุษย์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องเป็นองค์
รวมที่เกื้อกูลกัน การพัฒนาที่ยั่งยืน
เป็นการพัฒนาที่เป็นองค์รวมและบูรณาการ
ที่มีความหลากหลายและมีปฏิสัมพันธ์กัน
ระบบผลิตและการบริโภคจักต้องไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ไม่สร้างปัญหามลพิษและปัญหาการใช้มากเกินดุลยภาพ
การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องยึดหลักการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ซึ่งมนุษย์จักต้องเป็นเจ้าของทรัพยากรร่วมกัน และพึ่งพากันทางวัฒนธรรม
ภูมิปัญญา เทคโนโลยี และหลักมนุษยธรรม
ซึ่งให้ความสำคัญกับการดำรงอยู่ของวิถีชีวิตของคนในชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น
และความสมดุลของฐานทรัพยากรธรรมชาติ
อันจะนำไปสู่การพึ่งตนเองของชุมชนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เป็นการสร้างความสมดุลของสังคมด้วยการพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง
ตลอดจนการมีส่วนร่วมของชุมชนของหญิงและชายในการกำหนดและร่วมกันดำเนิน
กิจกรรมการพัฒนาทั้งในท้องถิ่นและระดับนโยบาย การพัฒนาที่ยั่งยืน
เกิดขึ้นได้เมื่อมีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วน
ร่วมของประชาชนบนพื้นฐานของแนวคิดว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์
และไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้ซึ่งจะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ไปพร้อมๆ
กันอย่างเป็นระบบและครอบคลุมถึงปัจจัยทางด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สังคม
เศรษฐกิจ ขนบธรรมเนียมประเพณี และปัจจัยทางด้านเทคนิควิชาการ
อย่างไรก็ตามการปฏิบัติอย่างยั่งยืนเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ใน
ปริมาณจำกัด
และมีความสามารถในการรองรับข้อจำกัดจึงต้องศึกษาความเหมาะสมในการใช้
ประโยชน์และการจัดการที่สร้างความสมดุล
และมีวิธีการแบบมีส่วนร่วมซึ่งเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้สาธารณชนทราบถึง
การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อย่างโปร่งใส
มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
และร่วมกันจัดทำแผนงานเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงที่ประชาชนประสบ
ตอบสนองความต้องการการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากนี้
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสมจำเป็นต้องมีการตัดสินใจที่เกิดจาก
ข้อมูลที่ถูกต้อง มีการประสานหรือรวมแนวความคิดใหม่ มีการติดตามประเมินผล
และมีความยืดหยุ่น ตลอดจนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
บนความเสมอภาคซึ่งเป็นการมองสถานการณ์อย่างเป็นองค์รวม
ทั้งทางด้านทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สังคม
เศรษฐกิจโดยรวมถึงความเท่าเทียมกันในระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น และสุดท้าย
การคาดการในอนาคต การวางแผนต้องมีเป้าหมายระยะยาวในอนาคต
มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีข้อตกลงและเห็นชอบจากทุกฝ่ายอย่างชัดเจน
มูลนิธิ
เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเริ่มดำเนินการในปี พ.ศ.2543
ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนการสร้างรูปธรรมองค์กรชุมชนใน
พื้นที่อนุรักษ์ ให้ความสำคัญกับการเชื่อมร้อยเครือข่ายองค์กรชุมชน
และสนับสนุนให้มีการรับรองสิทธิชุมชนท้องถิ่นที่จะธำรงวัฒนธรรม
ระบบการจัดการของตนเอง สิทธิที่จะเข้าถึงทรัพยากร
สิทธิในการมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเพื่อความอยู่รอดของชุมชนเอง
ภารกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่งคือ
การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในการจัดการทรัพยากร
ส่งเสริมและพัฒนาบทบาทผู้หญิงให้เป็นผู้นำโดยเน้นความเท่าเทียมกันในสิทธิ
เสรีภาพของทั้งหญิงและชาย เพื่อให้ผู้หญิงมีศักยภาพและโอกาสแสดงออก
มีความคิดริเริ่มและความมั่นใจในการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟู
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสร้างสรรค์ได้ด้วยตนเอง
และร่วมกับผู้อื่นในสังคมพัฒนาองค์ความรู้เพื่อยกระดับบทบาทในการตัดสินใจ
และร่วมวางแผนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชน
พันธกิจ
- ส่งเสริมการศึกษา และเผยแพร่องค์ความรู้เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรประชาชน กลุ่ม หรือเครือข่ายในรูปแบบต่างๆ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
- เสริมสร้างและขยายการประสานงาน ประสานเครือข่ายขององค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรประชาชน ให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
- เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนเพื่อให้เกิดความตระหนักและร่วมกันแก้ไขปัญหา ตั้งแต่ระดับปฏิบัติถึงระดับนโยบายของประเทศ
- เสริมสร้างความเข้าใจอันดีและก่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างภาคประชาชน ภาควิชาการ ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคีอื่นๆ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือขององค์กรพัฒนาเอกชนไทยกับองค์กรต่างประเทศ
- เพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลางและไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการ เมืองหรือพรรคการเมืองใด
มูลนิธิเพื่อการพัฒนา ที่ยั่งยืน
ที่อยู่: 86 ซอยลาดพร้าว110 (สนธิวัฒนา 2), ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
โทรศัพท์: 02-9353560-2
โทรสาร: 02-9352721
Email: preecha@mozart.inet.co.th
Website: http://www.sdfthai.org
|