กิจกรรมขับเคลื่อนโครงการ
ทำน้ำหมักปุ๋ย
ความเป็นมา วัตถุประสงค์
- 3ทำน้ำหมักปุ๋ย
- -เตรียมแปลง,ซื้อเมล็ดพันธ์ที่เหมาะสมตามฤดูกาล
- -แบ่งเวร
- -ปลูกและดูแลรักษาโดยเวรประจำวัน
- -ซื้อตะกร้า ซื้ออุปกรณ์ในการขาย
- การทำน้ำหมักชีวะภาพ
น้ำหมักชีวภาพ ที่สามารถทำเองได้
ซึ่งเพื่อนๆไทยอาชีพเองที่สนใจ อาชีพเกษตรกรรม เองก็คงจะรู้เรื่องนี้ว่าการทำปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพนั้นเป็นเหมือนกับการเลียนแบบการทำปุ๋ยจากธรรมชาติที่ธรรมชาติจะต้องทำตามกระบวนการอยู่แล้วซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองผมเพิ่งจะพูดถึงปุ๋ยหมักสูตรชีวภาพเพื่อบำรุงดินเพื่อเสริมสร้างธาตุอาหารให้กับดินไปแล้วในบทความนี้ผมจะมาพูดถึง ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปลูกพืชให้สวยงามไม่แพ้กับปุ๋ยหมักชีวภาพเลย
ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ จะมีลักษณะเป็นน้ำ โดยวิธีใช้จะใช้ในการฉีดพ่นไปที่ดินและที่ลำต้นร่วมถึงที่ใบไม้ของต้นไม้ด้วยเพื่อให้ทุกส่วนได้ปุ๋ยโดยตรงและสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้เร็วขึ้นโดยวันนี้ผมจะมาบอกสูตรปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากวัสดุธรรมชาติ
การทำหัวเชื้อจุลินทรีย์จากหน่อกล้วย หน่อกล้วยเป็นวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่ายตามต่างจังหวัด ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำหัวเชื้อจุลินทรีย์มีอยู่ด้วยกัน 3 อย่างคือ
1.หน่อกล้วย 3 กิโลกรัม
2.กากน้ำตาล 1 ลิตร
3.น้ำมะพร้าวอ่อน 2 ลูก
หลังจากได้วัสดุมาครบแล้วก็น้ำเอาหน่อกล้วยมาสับให้ละเอียดหลังจากน้ำก็เอากากน้ำตาลมาคลุกเคล้ากับหน่อกล้วยที่สับละเอียดแล้วโดยคลุกเค้าให้เข้ากันและเอาน้ำมะพร้าวอ่อน 2 ลูกมาเทลงไปและคลุกให้เข้ากันอีกที่หนึ่ง ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำในถังดำก็ได้เหมือนกัน
นำส่วนผสมทั้งหมดว่าคลุกเคล้ากันให้เข้ากันและปิดฝาให้สนิทเมื่อทำกระบวนการข้างต้นเสร็จแล้วก็ทำการปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 10 ถึง 30 วัน เป็นอย่างน้อย พอครบกำหนดให้กรองเอาแต่น้ำใส่ขวดเก็บไว้เป็นหัวเชื้อเข้มข้นเพื่อไว้ขยายให้เพิ่มจุลินทรีย์หรือนำไปใช้ได้เลย
การนำหัวเชื้อจุลินทรีย์จากหน่อกล้วย ต้องระวังเรื่องอัตราส่วนโดยการใช้มีอัตราส่วนดังนี้
หัวเชื้อ ครึ่งช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 5 ลิตร ใช้ฉีดพ่นหรือราด วันเว้นวัน หลังจากหมักเสร็จก็ทำการกรอกแต่น้ำหัวเชื้อมาใช้
ประโยชน์ของหัวเชื้อจุลินทรีย์จากหน่อกล้วย
สำหรับประโยชน์ของ หัวเชื้อจุลินทรีย์จากหน่อกล้วย นี้จะช่วยในเรื่องของการกำขัดเชื้อราในดิน ทำให้ดินร่วนซุยโปร่งและมีการระบายอากาศรวมถึงน้ำในดินได้ดี และช่วยกำจัดหนอนที่อยู่ในดินทำให้ตัวหนอนไม่ลอกคราบซึ่งเป็นการหยุดยั้งกระบวนการเจริญเติบโตของนอน
ถ้ารดถูกไข่หนอนจะทำให้ไข่หนอนฝ่อ ไม่สามารถฟักออกมาเป็นตัวหนอนได้ ยับยั้งโรคใบแห้งและใบจุดสีน้ำตาลในพืชผัก
สูตรที่2 การทำหัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรด
สำหรับสูตรนี้ต้องระวังการนำไปใช้อย่างสูงเพราะว่าเปลือกสับปะรดมีความเป็นกรดเยอะซึ่งมีทั้งคุรและโทษถ้าเรานำไปใช้ไม่ถูกต้อง
วัสดุที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ในการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรดมีดังนี้
1. เปลือกสับปะรด สับระเอียด 3 กิโลกรัม
2. กากน้ำตาล1 ลิตรหรือจะเป็นน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัมก็ได้เช่นกัน
3. ยาคูลท์ 2 ขวด
ขั้นตอนการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรด
โดยเอาถังพลาสติกสีดำมาใส่วัสดุทั้ง 3 อย่างไว้ในทั้งเดียวกันคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วทำการปิดฝาให้สนิทโดยไม่ให้อากาศสามารถเข้าและออกได้เลย ระยะเวลาในการหมักก็ประมาณ 15 วันหลังจากนั้นก็ค่อยเติมน้ำอีก 5 ถึง 10 ลิตรหมักต่ออีก 1 เดือนแล้วกรองเอาแต่น้ำใส่ขวดเก็บไว้เป็นหัวเชื้อเข้มข้นและสามารถนำไปขยายพันธุ์ต่อได้หรือนำไปใช้ได้เลย
การนำหัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรดไปใช้
อัตราส่วนในการใช้ หัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรด คือครึ่งช้อนโต๊ะ กับน้ำ 5 ลิตร ใช้ฉีดพ่นราดรดวันเว้นวัน
ประโยชน์ หัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรด
ประโยชน์ของ หัวเชื้อจุลินทรีย์ จากเปลือกสับปะรด นั้นก็คือจะช่วยย่อยซากอินทรีย์และแร่ธาตุที่มีอยู่ในดินให้เป็นอาหารแก่พืชได้เร็วขึ้น
การทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกอย่างถูกวิธีเพิ่มผลผลิต
การเลือกพันธุ์ปลูก
1.คำนึงถึงสภาพดิน สภาพภูมิอากาศ ความต้านทานต่อ โรคแมลง และวัชพืช ความหลากหลายของชนิดพืชในแปลง
2.ไม่ใช้พืชจีเอ็มโอ (พืชที่มาจาการตัดต่อสารพันธุกรรม)
3.ควรเป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่มาจาการปลูกแบบอินทรีย์
การปรับปรุงบำรุงดิน
1.เลือกพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินสูง (ห้ามตัดไม้ทำลายป่า)
2.ถ้าดินเป็นกรดจัดใส่หินปูนบดลดความเป็นกรด
3.ปลูกพืชตระกูลถั่วและไถกลบสำหรับทำปุ๋ยพืชสด ได้แก่ โสน ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า ถั่วมะแฮะ เป็นต้น (โสนควรปลูกในนา ถั่วต่าง ๆ ควรปลูกในไร่)
4.ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เศษซากพืช เพื่อช่วยปรับโครงสร้างดิน และให้ธาตุอาหารพืช
5.ดินขาดฟอสฟอรัสให้ใช้ปุ๋ยหินฟอสเฟต
6.ดินขาดโพแทสเซียม ให้ใช้ปุ๋ยมูลค้างคาว เกลือโพแทสเซียมธรรมชาติ และขี้เถ้าถ่าน ที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดคงจะเก็บตัวอย่างดินและส่งวิเคราะห์ โดยติดต่อสอบถามข้อมูลการวิเคราะห์ตัวอย่างดินและการเก็บตัวอย่างดินที่ถูกต้องที่หมอดินประจำตำบลของท่าน
ผักเป็นอาหารประจำวันของมนุษย์ เป็นแหล่งอาหารให้แร่ธาตุวิตามินที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์จากข้อมูลวิจัยกล่าวว่า มนุษย์เราควรบริโภคผักวันละประมาณ 200 กรัม เพื่อให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุและวิตามินอย่างเพียงพอผลการวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักแห่งเอเชีย ชี้ให้เห็นว่าประชากรของประเทศไทยโดยเฉพาะสตรีมีครรภ์และพวกเด็กๆ มักขาดแคลนแร่ธาตุวิตามินกันมาก ประกอบกับปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบ ทำให้มีค่าครองชีพสูงขึ้น ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้มีการรณรงค์ให้มีการปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองในครอบครัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีพืชผักเพียงพอแก่การบริโภคในครัวเรือน ทำให้ได้รับสารอาหารครบตามความต้องการของร่างกาย และช่วยลดภาวะค่าครองชีพ
การปลูกพืชสวนครัวนั้นไม่ยากเลย ถ้ามองไปรอบด้านภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นบ้านในเมืองใหญ่ เมืองหลวง หรือบ้านในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ล้วนละลานตาไปด้วย "บ้านไทย" ซึ่งไม่ต้องอาศัยเครื่องปรับอากาศ ไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีเหมือนทุกวันนี้ ซึ่งฝรั่งที่ตั้งใจมาเมืองไทยเพราะต้องการดู"บรรยากาศไทยๆ" ดังที่เคยเห็นในหนังสือ ตอนนี้เขบอกว่าบรรยากาศอย่างนี้ ต้องไปดู ที่ลาว ที่เขมรแทน เพราะเมืองไทยไม่ต่างจากเมืองเขาเท่าไหร่นัก บางแห่งดูจะยิ่งกว่า ด้วยซ้ำ ฝรั่ง คนนั้นจึงต้องกลับไปเที่ยว-นอนที่เขมร ลาวแทน เขาบอกว่าบ้านไทย ย้ายไปอยู่ ที่นั่น ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความคิดว่า น่าจะบอกเล่าเรื่องนี้ให้เกษตรกรไทยฟัง ให้เขารื้อฟื้น ความเป็นไทยกลับขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นทางออก พ้นจากความเป็นหนี้ นั่นคือเรื่อง "รั้วกินได้-สวน