โครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น 4 ภาค ระยะที่ 2 : หลักสูตรนักถักทอชุมชน เพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว
โครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น 4 ภาค ระยะที่ 2 : หลักสูตรนักถักทอชุมชน เพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว
กิจกรรมขับเคลื่อนโครงการ
ค่าย “ยุวกระบวนกร: แกนนําเยาวชนกระบวนทัศน์ใหม่”
ความเป็นมา วัตถุประสงค์


ค่าย “ยุวกระบวนกร: แกนนําเยาวชนกระบวนทัศน์ใหม่”

วันที่ ๑๖-๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑

ณ สวนซุมแซง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม


ความเป็นมา วัตถุประสงค์

โครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) ระยะที่ 2 : หลักสูตรนักถักทอชุมชน เพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว เป็นความร่วมมือของสํานักงานกองทุนสนับสนุนวิจัย(สกว .) สถาบันเสริมสร้างสร้างการเรียนรู้ เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.) และ มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน ) ในความร่วมมือครั้งนี้มีภาพเป้าหมายที่สําคัญคือ ทีมนักถักทอชุมชน (ซึ่งประกอบด้วยนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ปลัด เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น) แกนนําชุมชน และแกนนําเยาวชน มีความสามารถใช้กระบวนการวิจัยเพื่อท้องถิ่นและการจัดการความรู้ อย่างมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว และชุมชน นําไปสู่การพัฒนาระบบ/กลไก สนับสนุนให้ชุมชนสามารถจัดการตนเองและเครือข่าย โดยมีระยะเวลาการดําเนินงาน๓ปี

เพื่อให้แกนนําเด็กเยาวชนและพี่เลี้ยงในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้และ ขับเคลื่อนงานเด็กและเยาวชนได้อย่างต่อเนื่องและเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมกล่าวคือแกนนําเยาวชน พี่เลี้ยงเยาวชนอปท. และพี่เลี้ยงชุมชนสามารถจัดกระบวนการเรียนรู้และประยุกต์ใช้ในการพัฒนา เด็กและเยาวชนได้

หลักการและเหตุผล

กระบวนการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่ทําให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริงแล้ว จะต้องเป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างเป็นองค์รวม หลายๆ เรื่องของชีวิตไม่อาจเรียนรู้ได้โดยการนั่งเรียนในห้องเรียน หรือการอ่านข้อมูลจากสื่อต่างๆ ต้องอาศัยการได้ปฏิบัติการของกาย ใจ และสติปัญญาร่วมไปด้วยกัน ซึ่งประการหลังนี้ยิ่งใช้บ่อยยิ่งชํานาญ และเป็นการเรียนรู้แห่งตนที่คนอื่นทําแทนไม่ได้ ผู้เรียนจะต้องกระโจนเข้าสู่การเรียนรู้นั้นด้วยตัวตนของตนเองทั้งหมด

ดังนั้น ขอบเขตการศึกษาจึงกว้างขวางมากกว่าการศึกในระบบเท่านั้น หลายเรื่องต้องอาศัยครอบครัวเป็นผู้ให้การศึกษา หรือ สิกขาในภาษาบาลี หมายถึงการเรียนรู้ ฝึกฝน และขัดเกลาตนเอ กลไกของครอบครัวจึงสําคัญอย่างยิ่งที่จะทําให้เกิดกระบวนการนี้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในสังคมปัจจุบัน ครอบครัวอ่อนแอยิ่งนัก ครอบครัวจํานวนมากไม่สามารถที่จะเป็นแหล่งบ่มเพาะการเรียนรู้ให้กับเด็กเยาวชนได้ ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่างทางเศรษฐกิจที่บีบคั้น และยากที่จะหลุดออกมาได้

ดังนั้น กลไกของชุมชนและท้องถิ่นจึงเป็นความหวังสุดท้ายที่จะช่วยบ่มเพาะการเรียนรู้อย่างเป็นกระบวนการ และมีความต่อเนื่องเพราะถือเป็นกลไกที่ใกล้ชิดที่สุดและถือเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพในชุมชนท้องถิ่นของตนเอง

ด้วยเหตุนี้ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สถาบันยุวโพธิชน สถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข และมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสุรินทร์ จึงได้จัดให้มีการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ เพื่อทําให้กลไกในระดับท้องถิ่นสามารถเป็นที่พึ่งในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ให้กับชุมชนท้องถิ่นและประเทศชาติ

ในครั้งนี้ จึงได้จัดให้มี“ค่ายยุวกระบวนกร”เพื่อพัฒนาแกนนําเยาวชน พี่เลี้ยงเยาวชนทั้งที่อยู่ใน อปท. และอยู่ในชุมชน ให้สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้และประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเด็กและเยาวชนได้

คุณสมบัติของแกนนําเยาวชนที่พึงปรารถนา

รักและสมัครใจฝึกฝนตนเองตลอดเวลารู้จักคิดอย่างมีวิจารณญาณรู้จักแยกคุณค่าแท้ออกจากคุณค่าเทียมได้ รู้เท่าทันโครงสร้างอันอยุติธรรมของสังคมทั้งระดับชุมชน สังคมและระดับโลก รู้เท่าทันกลไกและชุดความคิดของความทันสมัยเห็นช่องทางที่จะทําให้สังคมและระบบธรรมชาติดีขึ้น มีความรู้ ความสามารถและทักษะที่จะตัดสินใจทํางานเพื่อการเปลี่ยนแปลงชุมชนอย่างเป็นหมู่คณะ ตามเงื่อนไขปัจจัยของตน รักและรู้จักอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงามของบรรพชน ทวนกระแสสังคมปัจจุบันที่ดูถูกรากเหง้าทางวัฒนธรรมของตน ภูมิใจและเห็นคุณค่าในรากเหง้าของตนเอง

หลักการศึกษา

เพื่อให้เกิดยุวกระบวนกรกระบวนทัศน์เราย่อมต้องใช้หลักการศึกษาอีกชุดหนึ่งดังนี้ วิถีชีวิตและการทํางานคือการศึกษาการศึกษามิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องเรียนหรือหลักสูตรฝึกอบรมเท่านั้น

หากเกิดขึ้นโดยธรรมชาติได้ตลอดเวลาตราบใดที่มีชีวิตอยู่ กระบวนการเรียนรู้คือการฝึกให้ผู้เรียนได้ตรึกตรอง ทบทวนสรุปบทเรียนจากประสบการณ์ต่างๆ ทั้งของตนเองและผู้อื่น

การตัดสินใจคือการศึกษาหากไม่เคยตัดสินใจ เราจะไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใดอย่างมีความหมายได้อย่างแท้จริง สิ่งสําคัญที่สุดในกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมคือผู้เรียนต้องมีโอกาสตัดสินใจในเรื่องสําคัญๆที่เกี่ยวข ยนรู้ของตนเองและหมู่คณะ และสรุปออกมาเป็นบทเรียนได้ นี่ถือว่าเป็นส่วนสําคัญที่สุดในการเรียนรู้แบบองค์รวม เมื่อได้ร่วมคิดและตัดสินปัญหาสําคัญ

สัมพันธภาพคือการศึกษาสุขและทุกข์ในชีวิตของมนุษย์นั้น กว่าครึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราสัมพันธ์กับคนเป็นหรือไม่ ลึกซึ้งเพียงใด เราอยู่เพื่อนร่วมงานใกล้ชิดได้อย่างมีคุณภาพได้ไหม คนจํานวนมากในสังคมสมัยใหม่ ประสบความสําเร็จในการหาทรัพย์ อํานาจ ชื่อเสียง แต่ถ้าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในเรื่องสัมพันธภาพ ชีวิตก็หาความสุขไม่ได้และไร้ความหมาย

การฝึกฝนจิตเพื่อลดตัวตนคือการศึกษาวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ของชาวเอเชียหลักๆ ทุกกระแสได้พัฒนาการฝึกสมาธิภาวนาขึ้นมาอย่างหลากหลายลึกซึ้ง และถือกันมาตลอดว่าเป็นส่วนสําคัญยิ่งของการศึกษา เป้าหมายร่วมของการภาวนาทุกวัฒนธรรมคือเพื่อลดอัตตา ความเห็นแก่ตัว หรือลดการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

การยับยั้งตนเองไม่ให้ทําร้ายชีวิตตนและผู้อื่นคือการศึกษาแต่ถึงอย่างไรการฝึกความคิดและจิตใจเพียงอย่างเ ดียวย่อมไม่เพียงพอ เพราะเมื่อถูกกระตุ้นจากความคิดในเชิงลบที่ไม่ดีงาม บางครั้งเราก็ทําร้ายตนเองและผู้อื่นได้ เราจึงต้องฝึกยับยั้งตนเองไม่ให้ทําร้ายตนเองและผู้อื่นทางกายและวาจาด้วย นอกจากนี้ยังสามารถฝึกการยับยั้งตนเองในรูปแบบของการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นประชาธิปไตย โดยกําหนดกฎเกณฑ์และกฎระเบียบของชุมชนตามความคิดเห็นของทุกคนที่คิดร่วมกัน ทบทวนร่วมกัน และทุกคนมีสิทธิตัดสินใจถึงหนทางดีที่สุดของการอยู่ร่วมกันโดยไม่ทําร้ายซึ่งกันและกันและไม่ทําร้ายธรรมชา

กระบวนการเรียนรู้

กระบวนการเรียนรู้ที่สําคัญได้แก่

1.สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้แบบกัลยาณมิตร

2.เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนเพื่อร่วมกันสร้างองค์ความรู้

3.เน้นการใคร่ครวญตนเองเพื่อรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง ทั้งการภาวนาและอื่นๆ

4.เน้นการมองหลายมุมเพื่อคิดอย่างมีวิจารณญาณโดยอภิปรายร่วมกัน

5.เน้นการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองประกอบ

6.เน้นการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และการถอดบทเรียน

7.เน้นการลงมือทําในสิ่งที่ลงมือทําได้

เนื้อหาหลักสูตร

เนื้อหาหลักสูตรแบ่งออกเป็น8 หมวดหลัก ดังนี้หมวดรู้จักตนเอง หมวดรู้จักสังคมวดรู้จักธรรมชาติ หมวดรู้จักความจริงหมวดรู้จักความงามหมวดรู้จักความรักหมวดรู้จักความรู้และหมวดรู้จักความดี

เป้าหมาย

กระบวนการเรียนรู้ใน12 วันนี้ จะช่วยให้แกนนําเด็กเยาวชนได้ก้าวผ่านการฝึกเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งด้านหัวใจ หัวสมอง และทักษะ เพื่อเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีสติ รู้เท่าทันตน ตื่นรู้อยู่ในปัจจุบันขณะ ถึงพร้อม และจับหลักคิดได้อย่างมั่นคง ว่าจะจัดการเรียนรู้อะไรอย่างไรในแต่ละสถานการณ์ของผู้เรียนและผู้คนที่เกี่ยวข้อ

กลุ่มเป้าหมาย

แกนนําเด็กเยาวชนในพื้นที่เครือข่าย 11 อปท.

เจ้าหน้าที่และพี่เลี้ยงเยาวชนในพื้นที่เครือข่าย11อปท.

จำนวน 45 คน

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1ด้านทัศนคติเมื่อเรียนรู้ชุดนี้แล้ว ผู้เรียนจะ

1.1มีสติ รู้เท่าทันตนมากขึ้น อยู่กับปัจจุบันขณะได้มากขึ้น ลดละอัตตาให้น้อยลงได้ตามลําดับ

1.2หมั่นทบทวนใคร่ครวญตนเองอยู่เสมอ ยอมรับความจริงของตนเองด้วยใจเป็นกลางทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง รวมถึงลักษณะเฉพาะของตน

1.3รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน เปราะบางได้ และเชื่อมั่นในตนเอง พร้อมกับมีความเข้มแข็งอยู่ภายใน พร้อม ๆ กันไป

1.4พร้อมฟังคําวิจารณ์น้อมรับคําท้าทาย

1.5เชื่อในศักยภาพของทุกคน

1.6เชื่อในการเรียนรู้ร่วมกันช่วยถอดบทเรียน สร้างองค์ความรู้ร่วมกัน

1.7เชื่อญาณตนเองมากขึ้นตามลําดับ

2ด้านหลักคิดเมื่อเรียนรู้ชุดนี้แล้ว ผู้เรียนจะเข้าใจและสามารถอธิบายหลักการต่อไปนี้ได้

2.1 หลักพื้นฐานการศึกษาแบบองค์รวมการตัดสินใจคือการศึกษา:ความสัมพันธ์คือการศึกษา การฝึกตนคือการศึกษา

2.2 หลักการศึกษาแบบมีส่วนร่วม: การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์สร้างองค์ความรู้ร่วมกัน สืบค้นร่วมกัน ถอดบทเรียนด้วยกันและสร้างพื้นที่ปลอดภัยสําหรับการเรียนรู้ โยงกับการคิดแบบองค์รวม

2.3 หลักเกี่ยวกับธรรมชาติของการรู้: ความรู้ ญาณหยั่งรู้ ความเห็นารตีความก การติดยึดความรู้ (ทิฏฐุปาทาน) ทฤษฎีความรู้สองแบบ ของอี เอฟ ชูม้าเกอสัจจะของผู้สอนเป็นเพียงสมมติฐานของผู้เรียน

2.4 เคารพตน เคารพความหลากหลายในกลุ่ม

2.5 การหาดุลสมองกายใจในการเรียนรู้

2.6 คิดอย่างมีวิจารณ์ญาณ คิดแบบองค์รวมจัดระบบคิ จัดหมวดหมู่

2.7 การรู้จักตนเองสติกับการลดอัตตา

2.8 กระบวนกรในฐานะผู้นําที่แท้

3ด้านทักษะเมื่อเรียนรู้ชุดนี้แล้ว: ผู้เรียนจะสามารถฝึกใช้ทักษะเหล่านี้เป็น

3.1ทักษะพื้นฐาน7อย่างถาม ฟังพูดกระชับสรุป ทวนคืน ถามเจาะ สังเคราะห์ประมวล

3.2จัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเช่นช้วงจรเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และถอดบทเรียนใ

ถอดบทเรียนจากประสบการณ์ในอดีต ใช้บทบาทสมมติและละครสั้นการสอนเนื้อหาหนักแบบมีส่วนร่วม

3.3อ่านพลังกลุ่มประเมินกลุ่มจัดการกลุ่มเปลี่ยนแปลงออกแบบการเรียนรู้ให้เหมาะกับสถานการณ์เฉพาะหน้า

3.4รับมือกับผู้เรนที่ท้าทายและรับมืออย่างมีสติและกรุณา

3.5จัดกิจกรรมท้าทายกลุ่ม/กิจกรรมสร้างหมู่คณะ

3.6จัดกิจกรรมรู้จักตนเองรู้จักเพื่อน

3.7ใช้กิจกรรมพลังดาว สําหรับการวิเคราะห์สังคมเบื้องต้น

3.8คิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างมีวิจารณ์ญาณ

3.9การรู้จักฟังอย่างลึกซึ้ง

3.10 นําภาวนาเบื้องต้น

3.11สอนเป็นคณะ/ สอนกับคนอื่น

3.12การพูดในที่สาธารณะที่เราไม่คุ้นเคย

3.13ออกแบบการเรียนรู้

3.14การประสานงานเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนที่หลากหลาย

3.15การดําเนินการประชุมเพื่อให้เกิดการตัดสินใจร่วมกัน

3.16การจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์ในชุมชน เช่น งานบุญประเพณี และการทํานา เป็นต้น

3.17การสื่อสารเพื่อสานสัมพันธ์

­

ทีมกระบวนกร

1.คุณจรายุทธ สุวรรณชนะ

2.คุณนฤมล ไพบูลย์สิทธิคุณ

3.อ.สัญญา มัครินทร์

4.คุณนภา ธรรมทรงสนะ

5.คุณเพ็ญนภา กิตติมโนชัย

ผู้รับผิดชอบโครงการ

วราภรณ์ หลวงมณีผู้อํานวยการสถาบันยุวโพธิชน ผู้ประสานงานโครงการพัฒนาเยาวชน4ภาค พื้นที่สุรินทร์

กำหนดการและรายงานผล
16
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 16 ตุลาคม 2018
10.00 - 11.00 น.
กิจกรรมเปิดค่าย
• แนะนำวัตถุประสงค์ และกระบวนการเรียนรู้
• เเนะนำตนเอง
บอกชื่อเล่น ที่มาของชื่อ และภูมิลำเนา
• เตรียมความพร้อมผูเข้าร่วมและสร้างความคุ้นเคยกัน
กิจกรรมนับเลขและจำชื่อเพื่อน
11.00 - 12.00 น.
กิจกรรมเปิดไพ่นางฟ้า
โจทย์
1. ให้ผู้เข้าร่วมหยิบไพ่นางฟ้าคนละ1ใบ และหยิบไพ่รวมของกลุ่มอีกหนึ่งใบ
2. โดยไพ่นางฟ้าใบเเรกให้เชื่อมโยงตนเองกับข้อความในไพ่ว่า “สิ่งที่นางฟ้าอยากจะบอกกับเรา ต้องการเตือนหรือให้เราเรียนรู้เรื่องนี้อย่างไร”
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีเป้าหมายกับตนเองในการเข้าค่ายเเละมีเป้าหมายร่วมกัน
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 13.30 น.
กิจกรรมผ่อนพักตระหนักรู้
13.30 - 13.50 น.
กิจกรรมเตรียมความพร้อมผู้เข้าร่วม
ผีเน่ากับโรงผุ
13.50 - 15.00 น.
กิจกรรมรู้จักตนเองผ่านวันเกิด
โจทย์
1. ให้จับกลุ่มตามวันเกิดและแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มว่าลักษณะนิสัยของคนที่เกิดวันนั้นเป็นอย่างไร เลือก 3 ลักษณะเด่น 3 อย่างแลกเปลี่ยนในกลุ่มใหญ่
2. หากเราต้องเรียนรู้กับคนอื่นๆเราจะมีวิธีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของตนเองอย่างไรเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และแลกเปลี่ยนในวงใหญ่
สรุป -ปรับตัวเปิดใจเข้าหากัน
-ไม่ตัดสินผู้อื่นก่อนแต่ควรที่จะเรียนรู้จากผู้อื่น
-ให้เกียรติกันโดยการรับฟังและไม่ทำสีหน้าท่าทางที่ไม่ดีใส่
-กล้าพูดกล้าแสดงออกเพื่อฝึกการเป็นผู้นำ
15.00 - 16.00 น.
กิจกรรมแบ่งกลุ่มฐาน
1. โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน โดยให้แต่ละกลุ่มตั้งชื่อกลุ่มที่สั้นๆและสร้างสรรค์
2. แบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบประจำวัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการทำงาน ให้เกิดการฝึกฝนตนเองและสร้างการมีส่วนร่วม

กิจกรรมสร้างตารางเวลาร่วมกัน
โดยทุกกลุ่มมีส่วนร่วมในการกำหนดเวลาในการอยู่ร่วมกันในค่าย
06.00 ตื่นนอน
06.30 ออกกำลังกาย
07.00 ทำงานกลุ่ม
07.30 รับประทานอาหารเช้า
08.30 กิจกรรมภาคเช้า
12.00 รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 ผ่อนพักตระหนักรู้
13.30 กิจกรรมภาคบ่าย
16.30 เรียนรู้งานเกษตร
18.00 รับประทานอาหารเย็น
19.00-21.00 กิจกรรมภาคค่ำ
23.00 เข้านอน

16.00 - 16.15 น.
กิจกรรมเตรียมความพร้อมผู้เข้าร่วม
นับเลข
16.15 - 17.00 น.
กิจกรรมพลิกเสื่อ
โจทย์ -ให้ทุกคนช่วยกันพลิกเสื่อให้สำเร็จ
กติกา
1. ให้ทุกคนอยู่บนเสื่อ โดยไม่มีใครในกลุ่มออกมาจากเสื่อ
2. ห้ามอวัยวะส่วนใดของร่างกายออกมาแตะพื้นที่อยู่นอกเสื่อ
3. หากผิดกติกาทั้งหมดที่กล่าวมาถือว่าเริ่มต้นใหม่
วัตถุประสงค์
1. การสร้างการมีส่วนร่วม
2. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่ม
3. การวางแผนและการเเบ่งหน้าที่
17.00 - 18.00 น.
กิจกรรมเรียนรู้งานเกษตร
เรียนรู้ความสำคัญของการทำการเกษตร เรียนรู้การเตรียมดินในการเพาะปลูก
18.00 - 19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น
19.00 - 19.30 น.
กิจกรรมภาวนากลับมาอยู่กับตนเอง
19.30 - 20.30 น.
กิจกรรมฝึกทักษะการฟัง- พูด
โจทย์ : จับคู่และเเลกเปลี่ยนในคู่ โดยแต่ละคนจะมีเวลาในการพูด 2 นาทีต่อ 1 ประเด็น
1. จากกิจกรรมพลิกเสื่อเราประทับใจอะไรในตัวเพื่อนและสิ่งที่เราอยากชื่นชมในตัวเพื่อน
2. สิ่งที่เราประทับใจในตนเองในการทำกิจกรรม
3. สิ่งที่เราไม่ประทับใจในการทำงานร่วมกัน
4. สิ่งที่ได้เรียนรู้หรือข้อคิดจากการทำกิจกรรม
5. ความกังวลหรือความกลัวในการเข้าค่ายคืออะไรและเราจัดการกับสิ่งนี้อย่างไร
6. จับกลุ่ม 4 คน แลกเปลียนในกลุ่ม
7. สรุปประเด็นสำคัญเรื่องของความกลัวความกังวลในการเข้าค่ายและจะส่งผลต่อตนเองหรือการเรียนรู้ร่วมกันอย่างไร
สรุป
• กังวลเรื่องความสัมพันธ์ความไม่สนิทหรือไม่รู้จักกันจะทำให้ไม่กล้าพูดไม่กล้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
• กลัวการเข้าหาผู้อื่นว่าจะทำได้ไม่ดีและส่งผลต่อการทำงานร่วมกัน
• การไม่คุ้นชินในพื้นที่ทำให้คิดว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยงส่งผลให้เราจำกัดความคิดและการแสดงออก
• กังวลเกี่ยวกับการฝึกนำสันทนาการในค่าย
• กลัวการจัดการอารมณ์ความรู้สึก
• กลัวการทำกิจกรรมที่เคยผ่านมาแล้วว่าจะทำได้ไม่ดีทำให้กลัวและกดดัน
20.30 - 20.50 น.
กิจกรรมเเลกเปลี่ยนเกี่ยวกับกิจกรรมท้าทายกลุ่ม
โจทย์ -กระบวนกรจัดกิจกรรมท้าทายกลุ่มขึ้นมาเพื่ออะไร
ข้อสรุป
1. ละลายพฤติกรรมเพื่อให้ทุกคนแสดงพฤติกรรมของตนเองออกมา
2. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในเพื่อนต่างพื้นที่มีความสัมพันธ์ที่ดี
3. เป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทำให้เอื้อต่อการเรียนรู้
4. เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและฝึกการอดทนร่วมของกลุ่ม
5. เพื่อปลุกภาวะความเป็นผู้นำและให้เห็นลักษณะการนำของแต่ละคน
6. เพื่อให้เห็นกระบวนการคิด-การวางแผนของกลุ่ม ส่งผลให้รู้จักกลุ่มมากขึ้น
7. เป็นการขยายองค์ความรู้ให้เพิ่มขึ้นเพราะประเด็นที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนเเปลงไปตามกลุ่ม
20.50 - 21.15 น.
กิจกรรมถอดบทเรียนเรื่องการฟัง
โจทย์ การฟังสำคัญอย่างไร
ข้อสรุป
1. การฟังที่ดีช่วยลดอัตตาของตนเองทำให้ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
2. ทำให้รู้จักอารมณ์ของผู้อื่นช่วยให้เข้าใจความต่องการของผู้พูด
3. เป็นสิ่งที่แสดงถึงการยอมรับทำให้ผู้พูดรู้สึกมีค่า ช่วยเป็นกำลังใจให้กับผู้พูด
4. การฟังที่ดีเป็นเครื่องมือในการกลั่นกรองข้อมูลก่อให้เกิดการเรียนรู้และยังเป็นเครืาองมือสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วม

17
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 17 ตุลาคม 2018
06.00 - 07.30 น.
กิจกรรมรับอรุณ
ฝึกโยคะ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้อยู่กับตนเองก่อให้เกิดสมาธิและช่วยผ่อนคลายร่างกาย
ทำงานกลุ่มฐาน ทำตามหน้าที่รับผิดชอบ
07.30 - 08.00 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.00 - 08.15 น.
กิจกรรมสมาธิภาวนา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกลับมาอยู่กับตนเองก่อนทำกิจกรรม
08.15 - 08.30 น.
กิจกรรมกลุ่มฐานสรุปการเรียนรู้ประจำวัน
08.30 - 09.00 น.
ถอดเบื้องหลังการจัดกระบวนการเรียนรู้ ความรู้,ทักษะและทัศนคติที่้เกิดขึ้นจากทำกิจกรรมท้าทายกลุ่ม
โจทย์ จับคู่และแลกเปลี่ยนกันในคู่ว่า “เมื่อวานเราเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะ ความรู้ และทัศนคติอะไรบ้าง”
ทักษะ
1. ทักษะการฟังที่โดยการให้เกียรติผู้อื่นด้ายการฟังอย่างตั้งใจ
2. ทักษะการทำงานเป็นทีมโดยการวางแผนร่วมกัน การเสนอความคิดเห็น การเป็นผู้ตามที่ดี การเป็นผู้นำที่ดี โดยการทำเป็นตัวอย่างเพื่อให้กลุ่มสามารถทำต่อได้ การรับฟังและสังเคาระห์วิธีการร่วมกัน
3. ทักษะการสร้างความสัมพันธ์โดยการรวบรวมความกล้าเข้าพูดคุยกับผู้อื่นและการปรับตัวเข้าหาผู้อื่นโดยการสังเกต
4. ทักษะการพูดโดยพูดให้สั้นกระชับและตรงประเด็น
5. ทักษะการตัดสินใจการกล้าตัดสินใจเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ตนเอง
6. ทักษะการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง
ความรู้
1. ความรู้เรื่องการสร้างความสัมพันธ์โดยการเรียนรู้ลักษณะของผู้อื่นจะทำให้เข้าหาผู้อื่นได้ดี
2. ความรู้เรื่องการทำงานเป็นทีมโดยรู้จักการจัดการกลุ่ม ดูแลสมาชิกในกลุ่ม
3. การเรียนรู้กระบวนการวางแผน
4. เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างกิจกรรมท้าทายกลุ่มที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้
5. เรียนรู้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยอาศัยประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
6. เรียนรู้ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะพูด-ฟัง รู้จักตนเองโดยรู้จักความสามารถของตนเองในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
7. เรียนรู้การใช้ทักษะการสังเกตทำให้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
ทัศนคติ
1. ความกลัวและความผิดพลาดทำให้เกิดการเรียนรู้
2. การฟังทำให้เราเข้าหาผู้อื่นได้ดีขึ้น
3. การลงมือทำอย่างเต็มที่จะให้ผลดี
4. การวางแผนการรับฟังจะทำให้ทำงานได้ดีและปลอดภัย
5. เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถ
6. เชื่อในพลังความสามัคคีและทุกคนสามารถสามัคคีกันได้
7. การไม่ตัดสินผู้อื่นก่อนและมองโลกในแง่ดีขะทำให้เข้าหาผู้อื่นได้ดีขึ้น
09.00 - 09.30 น.
เรียนรู้เรื่องพฤติกรรมและการปรับตัว 3 ช่วง
โจทย์
จับกลุ่ม4คนแลกเปลี่ยนในกลุ่ม
1. ความรู้สึกช่วงแรกที่เข้ามาอยู่ในค่าย
2. หากเราได้รับการละลายพฤติกรรมผลที่เกิดขึ้นตามมาคืออะไร
3. ตัวเราหรือคนรอบข้างเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในช่วงความสัมพันธ์ที่ดี
-ช่วงรักษาท่าที
ช่วงรักษาท่าทีทุกคนจะเกร็งกลัวไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงออก ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่กล้าเข้าหาเพื่อนใหม่และจับอยู่อยู่เฉพาะกลุ่มที่คุ้นเคย ในการเป็นกระบวนกรเราจะต้องติดหากิจกรรมเพื่อคลายสิ่งเหล่านี้
-ช่วงโกลาหล
ทุกคนจะกล้าที่จะเปิดเผยความเป็นตนเอง กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ความเกรงใจจะลดลงเพราะมีความคุ้นเคยกันมากขึ้น รู้สึกอิสระเสียงดังมากขึ้นการฟังจะลดลง อาจเกิดการขัดแย้งและทะเลาะกัน
-ช่วงความสัมพันธ์ที่ดี
ช่วงนี้จะมีความมั่นใจรู้สึกปลอดภัยคุ้นเคยกับพื้นที่ เกิดอาการผ่อนคลายมีความเชื่อใจและไว้วางใจกัน มีความเป็นกัลยาณมิตรพร้อมที่จะช่วยเหลือและคุยปรึกษากัน เคารพในตัวตนของผู้อื่นและฟังกันมากขึ้น

09.30 - 10.15 น.
การจัดการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
-เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีทำให้เกิดการเรียนรู้
-เพื่อให้เกิดกัลยณมิตรเกิดการเรียนรู้ไปด้วยกันและร่วมกัน
-เพื่อให้ลดอัตตาและยอมรับผู้อื่น
10.15 - 10.45 น.
กิจกรรมตุ๊กตาล้มลุก
เป้าหมาย : เพื่อสร้างความไว้วางใจ
โจทย์
-ให้ทุกคนคิดว่าตนเองเป็นตุ๊กตาล้มลุก และคนที่เหลือจะต้องช่วยกันรักษาไม่ให้ตุ๊กตาล้ม
กติกา
-จับกลุ่ม3คน โดยให้ 1 คนเป็นตุ๊กตา เเละอีก 2 คนเป็นคนคอยรับตุ๊กตา
-ตุ๊กตาจะต้องไม่เคลื่อนที่แต่ต้องเป็นการล้มตัว
-ผู้ที่เป็นตุ๊กตาจะต้องหลับตาและทุกคนห้ามส่งเสียง
-โดยทุกคนจะมีโอกาสได้เป็นตุ๊กตาคนละ 1 นาที
-หลังจากนั้นจับกลุม 6 คน ทำเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเวลาเป็น 1.30นาทีต่อคน
10.45 - 11.15 น.
กิจกรรมยกขึ้นฟ้า : เพื่อสร้างความไว้วางใจ
โจทย์
แบ่งกลุ่ม 13 คน โดยแต่ละคนจะได้หมายเลข1-13
หากกระบวนกรเรียกหมายเลขใดหมายเลขนั้นต้องรีบล้มตัวลง
และหมาเลขที่เหลือต้องรีบช่วยกันยกขึ้นให้ได้สูงที่สุดค้างไว้10วินาที
กติกา
-ทุกๆคนห้ามยืนอยู่กับที่แต่จะต้องเดินไปรอบๆในบริเวณกลุ่ม
-ห้ามแกล้งกันและห้ามทำให้ตกใจ
11.15 - 12.00 น.
ถอดบทเรียนจากกิจกรรมตุ๊กตาล้มลุก/ยกขึ้นฟ้า
-รู้สึกอย่างไรในขณะที่ทำกิจกรรม
• ความรู้สึกด้านลบ -รู้สึกกังวลเพราะมีเสียงของเพื่อนทำให้กังวลไปด้วย, รู้สึกกังวลว่าจะดูแลเพื่อนได้ไม่ดี
• ความรู้สึกด้านบวก -รู้สึกกลัวแต่พอทำไปเรื่อยๆ เริ่มคุ้นเคยขึ้นจึงทำให้ไว้ใจและกล้าขึ้น, รู้สึกปลอดภัยเพราะเพื่อนดูแลเอาใจใส่ดี, รู้สึกมีพลังในช่วงทีโดนยกขึ้นฟ้า
-ในการเป็นกระบวนกรทำไมถึงให้เวลากับการถอดบทเรียนความรู้สึก
• เพราะกิจกรรมเชื่อมโยงกับความรู้สึก ความรู้สึกคือการที่เราได้อยู่กับตนเองทำให้เรียนรู้จากอารมณ์และความรู้สึก ความรู้สึกเป็นตัวเชื่อมโยงให้นำไปสู่สิ่งที่ได้เรียนรู้และสามารถขยายต่อได้
• ความไว้วางใจตนเองหรือไว้วางใจเพื่อนเกิดขึ้นได้อย่างไร จับกลุ่ม 3-4 คนแลกเปลี่ยน
• ความไว้วางใจ
• ความไว้วางใจในตนเองเกิดจากความมั่นคงภายใน การมีสติและเชื่อใจตนเอง ความไว้วางใจเกิดขึ้นได้จากการเห็นตัวอย่างเคยมีประสบการณ์ร่วมกัน การทำให้เห็น การเคารพกติกา ความสัมพันธ์ที่ดีความรู้จัก การแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ จริงจัง บรรยากาศที่เงียบและสงบทำให้ผ่อนคลาย
-ผลดีของความไว้วางใจ
• ทำให้กล้าที่จะทำ เกิดความมั่นใจในตนเอง ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ มีอิสระและมีความสุขในการทำงานร่วมกัน
12.00 - 13.00 น.
ทานอาหารกลางวัน
13.00 - 13.15 น.
กิจกรรมผ่อนพักตระหนักรู้
13.15 - 14.00 น.
กิจกรรมเตรียมความพร้อมผู้เข้าร่วม
14.00 - 17.20 น.
กิจกรรมตาข่ายไฟฟ้า : เพื่อฝึกการทำงานร่วมกัน
โจทย์
ให้ทุกคนลอดตาข่ายไฟฟ้าให้ครบทุกคน
กติกา
-ในแต่ละช่องของตาข่ายสามารถลอดได้ 1 ช่องต่อ 1 คน
-ห้ามทุกคนโดนตาข่าย หากโดนให้คนที่กำลังลอดกลับไปเริ่มใหม่
-ห้ามส่วนใดของร่างกายแตะพื้นอีกฟากของตาข่าย หากแตะแล้วให้คนที่กำลังลอดเริ่มใหม่
17.20 - 19.30 น.
เรียนรู้งานเกษตร
ทำสมาธิเพื่อการอยู่กับตนเองและเตรียมพร้อมในการทำกิจกรรม
กลุ่มนำสันทนาการทำสันทนาการ
ถอดบทเรียนจากกิจกรรมตาข่ายไฟฟ้า
โจทย์
จับกลุ่ม4คนแลกเปลี่ยนในกลุ่มว่าจากกิจกรรมเรามีข้อสังเกตในการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างไร
ข้อสังเกต
1. ความมุ่งมั่น มีความพยามที่จะทำให้สำเร็จ
2. ความสัมพันธ์ มีการให้กำลังใจกัน เห็นความไว้วางใจกัน มีความมุ่งมั่นและอดทนสูง มีการให้อภัยกันโดยไม่หาคนผิด
3. กระบวนการ เห็นการร่วมกันวางแผนและทดลองทำผิด-ถูก มีความสามัคคีกันช่วยเลือกัน มีการเตือนสติหรือกัน
โจทย์ จากกิจกรรมอะไรที่ไม่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน
ข้อสังเกต
-ความไม่พร้อมจากปัจจัยภายนอกเช่น เสื้อผ้า ผม
-ขาดความมั่นใจในตัวเพื่อนจึงเลี่ยงที่จะทำทำให้ขาดการมีส่วนร่วม
-ขาดความร่วมมือและกำลังใจ มีการจับกลุ่มย่อย
-มีการนำแบบเผด็จการจึงทำให้รู้สึกไมดี เครียด และไม่อยากทำ
-มีการไม่เคารพผู้นำ ถือตัว แยกเพศ
-ขาดกระบวนการวางแผน ขาดการฟัง มีความคิดเห็นต่างกัน ขาดการสังเคราะห์
-การไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะไม่กล้าแสดงออกในตัวตน
-การแสดงสีหน้าท่าทางที่ไม่ดีทำให้ผู้อื่นไม่อยากร่วม
โจทย์ คิดเห็นอย่างไรที่มีกลุ่มที่ทำกิจกรรมเป็นบางกลุ่ม
ข้อคิดเห็น
-บางคนอาจมีความสามารถเฉพาะตัว
-หากมีการคุยกันตั้งแต่ต้นจะก่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน
-คิดว่าการสื่อสารกันเฉพาะในกลุ่มเล็กเข้าใจกันง่ายกว่า
-ทำให้คนที่ทำรู้สึกท้อ ดังนั้นควรมีการวางแผน การสอนกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ
เรียนรู้กลไกทำงานเป็นทีม
ในการทำงานเป็นทีมนั้นต้องประกอบด้วยสิ่งที่สำคัญ 3 สิ่ง คือ เป้าหมาย ความสัมพันธ์ที่ดี และกระบวนการ ต้องมีการพัฒนาทั้ง3ด้านให้สมดุล จะส่งผลให้การทำงานร่วมกันเกิดการเรียนรู้ด้วยกันทุกคน ซึ่งตัวกลางสำคัญที่เป็นตัวเชื่อมที่จะก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันที่ดีก็คือการสื่อสารที่ดี
กระบวนการทำงานเป็นทีม
โจทย์ กระบวนการวางแผนที่ดีที่จะก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมควรเป็นอย่างไร
-มีการพูดคุยกันและใช้คำถามเพื่อให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น
-ต้องมีการประเมินถึงปัญหาที่จะตามมา
-รวบรวมความคิดเห็นของทุกคน โดยประเมินจากความคิดที่เป็นไปได้
-มีการเขียนหรือบันทึกเพื่อให้ได้ทุกความคิดเห็น และเข้าใจทั่วถึง
โจทย์ วิธีการตัดสินใจร่วมที่ดีควรเป็นอย่างไร
วิธีการตัดสินใจร่วม
-รับฟังเสียงส่วนมาก โดยตัดสินใจจากการโหวต หรือดูจากความคิดเห็นในแนวเดียวกัน แต่ต้องรับฟังเสียงส่วนน้อยด้วยโดยการถามเหตุผล
-มีการให้อธิบายเพื่อให่ช้เข้าใจแต่ละประเด็นที่เสนอมาแล้วค่อยตัดสินใจ
-ตัดสินใจร่วมโดยดูจากโอกาสที่จะสำเร็จ
โจทย์ การลงมือทำหรือการลองผิดลองถูกที่ดีควรเป็นอย่างไร
-ต้องมีการแบ่งบทบาทหน้าที่และตระหนักรู้ในหน้าที่ของตนเอง
-มีการสังเกตระหว่างลงมือทำและนำมาปรับใช้ในครั้งถัดไป
-กล้าที่จะเสี่ยงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้
-มีการถอดบทเรียนจากการลงมือทำ
โจทย์ เรามีวิธีการประเมินผลดีอย่างไรและการประเมินผลดีมีประโยชน์อย่างไร
-ต้องประเมินให้เห็นปัญหา สิ่งที่ควรปรับ และควรยกระดับเรื่องอะไร
-มองภาพรวมของกิจกรรมว่าสอดคล้องกันหรือไม่
-ต้องประเมินให้เห็นตนเองและให้เห็นผู้อื่นด้วย
-ต้องมีการติดตาม
โจทย์ เรามีวิธีการที่ทำให้เกิดการรับผลร่วมกันและทุกคนยอบรับอย่างไร
-ต้องไม่ตอกย้ำและเป็นการให้กำลังใจ
-เปิดใจยอมรับผลที่เกิดขึ้น
-คิดในแง่บวกและนำไปปรับใช้ในครั้งถัดไป
-จับจุดที่ดีเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงานต่อ
-หากมีการมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจะทำให้ทุกคนยอมรับผลที่เกิดขึ้น
19.30 - 20.40 น.
ทานอาหารเย็น
20.40 - 21.15 น.
ฝึกทักษะการบันทึก
-ความรู้ที่ได้
-ทักษะที่เกิดขึ้น
-สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
18
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 18 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
• ฝึกโยคะ
• ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
• ทำสมาธิ
• กลุ่มสรุปบทเรียนออกสรุปบทเรียน
07.30 - 08.30 น.
ทานอาหารเช้า
08.30 - 09.25 น.
ทบทวนความรู้ทักษะและทัศนคติที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมในวันที่ผ่านมา
โจทย์ จับคู่แลกเปลี่ยนทักษะที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมหรือทักษะที่ชัดเจนขึ้น
ทักษะที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม/ชัดเจนขึ้น
-ทักษะการสังเกต การวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลที่ได้รับมาให้เห็นถึงองค์ประกอบและเหตุปัจจัย
-ทักษะการเข้าช่วยเหลือผู้อื่นโดยการเข้าช่วยเหลือเลยไม่ต้องรอ
-ทักษะการจัดการตนเอง
-ทักษะการฟังโดยการจินตนาการตามจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
-การควบคุมอารมณ์ของตนเองโดยการมองไปที่เป้าหมาย
-ทักษะการพูดที่เอื้อต่อการทำงานแบบมีส่วนร่วม
โจทย์ ความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ที่นำไปสู่ทักษะและทัศนคติคืออะไร
ความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่
-ผู้คนที่แตกต่างกันก็สามารถเข้าสู่เป้าหมายเดียวกันได้
-รู้จักตนเองรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
-ความรู้ในการจัดการร่างกายของตนเอง
-มีความรู้ในการคาดคะเนความเป็นไปได้
-มีความรู้ในการสร้างการมีส่วนร่วม โดยการให้การจัดสรรบทบาทหน้าที่
-ความรู้ในการสร้างความไว้วางใจโดยการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ทำหรือได้ดูแล
โจทย์ ทัศนคติใหม่หรือที่เพิ่มขึ้นมาคืออะไร

ทัศนคติที่เกิดขึ้น/เพิ่มขึ้น
-สร้างความเชื่อร่วมกันว่าทำได้
-ไม่คิดอคติกับผู้อื่นก่อน
-เชื่อว่าการลองผิดลองถูกจะทำให้เกิดการเรียนรู้
-สติสำคัญต่อการจัดการตนเองและการทำงาน
-ความเป็นหมู่คณะจะช่วยหนุนเสริมให้เกิดความสำเร็จ
-ความเชื่อใจเกิดจากการกระทำ
-เชื่อว่าความแตกต่างไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่เป็นการเติมเต็ม
09.25 - 12.00 น.
เรียนรู้วงจรการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
วงจรการเรียนรู้ประกอยด้วย5สิ่งที่สำคัญคือ การลงมือทำ ความรู้สึก ข้อสังเกต บทเรียน และการประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการเรียนรู้และการถอดบทเรียนของกระบวนกร
-การลงมือทำผ่านการทำกิจกรรมหรือโครงการที่ทำในชุมชน/องค์กรณ์หรือการใช้ชีวิต
-ความรู้สึก คือสิ่งที่แสดงออกมา สิ่งปรากฎขึ้นในใจหรือในกลุ่ม
-ข้อสังเกต คือปรากฎการณ์/ความรู้สึกหรือความคิดและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการทำกิจกรรมนั้น
-บทเรียน คือการนำข้อสังเกตที่ได้มาพัฒนาเป็นบทเรียนหรือประยุกต์ใช้ในการทำงานแบบมีส่วนร่วม
-การประยุกต์ใช้ คือการนำสิ่งที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการสร้างการมีส่วนร่วม เช่นการตั้งคำถามในการถอดบทเรียนว่า หากต้องลงมือทำใหม่จะนำอะไรไปประยุกต์ใช้
เรียนรู้เรื่องอำนาจ
-ความหมายของอำนาจ อำนาจหมายถึง สิทธิ โอกาส การมีอิสระในการตัดสินใจ การมีทางเลือกในชีวิต การมีอิทธิพลต่อผู้อื่น มีรายได้มีความมั่นคง การเข้าถึงสวัสดิการได้มากกว่า และได้การยอมรับจากผู้อื่น
ประเมินระดับอำนาจของตนเอง
โจทย์
ให้ประเมินระดับอำนาจของตนเองในครอบครัว/องกรณ์/ชุมชนและสังคมไทย จากนั้นจับคู่กับผู้ที่มีระดับอำนาจต่างกัน โดยแลกเปลี่ยนว่าเรารู้สึกอย่างไร ส่งผลต่อตัวเราอย่างไร ผู้อื่นปฏิบัติติอเราอย่างไรและทางเลือกในชีวิตเราเป็นอย่างไร
โจทย์
จับกลุ่ม 4 คนแลกเปลี่ยนว่า หลังจากได้พูดคุยเรื่องอำนาจเรารู้สึกอย่างไรและได้เรียนรู้อะไร
ความรู้สึกและสิ่งที่ได้เรียนรู้
-สิ่งที่เป็นตัวกำหนดว่าอำนาจดีหรือไม่คือการใช้อำนาจ
-ได้ประเมินอำนาจของตนเองว่ามีมากน้อยเพียงใด
-ได้รู้ว่าในแต่ละบริบทเรามีอำนาจไม่เท่ากันทำให้เราปรับตัวเพื่อการต่อรองและการยอมรับ
-ได้รู้ว่าอำนาจมีอยู่ในตัวของทุกคน แต่เรายังไม่รู้จักอำนาจของตนเอง
ที่มาของอำนาจ/แหล่งอำนาจ
อำนาจมาจากความรู้ความสามารถ ความกล้าหายและเสียสละ บทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ ภาวะความเป็นผู้นำ สติ ความดีและความมีคุณธรรม เพศวิถี บุคลิกภาพและหน้าตาที่ดี ยศตำแหน่ง ฐานะทางเศรษฐกิจ ระดับการศึกษา ทักษะการพูดและการสื่อสาร อายุและประสบการณ์ ความซื่อสัตย์ ศาสนา เชื้อชาติ ชื่อเสียง ชนชั้น วงตระกูล เงินและทรัพย์สิน อาชีพ ถิ่นที่อยู่และชาติพันธุ์ ทรัพยากร ความเชื่อ สีผิว ความรักความสัมพันธ์ เวลา ความมีพรรคพวก ลำดับพี่น้อง อาวุธ ยี่ห้อ/สัญลักษณ์ ภาษา วัฒนธรรมประเพณี สื่อเทคโนโลยี สถาบัน กฎหมายและนโยบาย
โจทย์
หากอยู่ในที่ที่มีการใช้อำนาจแบบมีส่วนร่วมจะส่งผลต่อคนที่อยู่ในนั้นอย่างไร
-จะทำเรามีความสุขและมีคุณค่า
-จะทำให้เรากล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออก
-มีอิสระในการเลือกใช้ชีวิต
-มีความเชื่อมั่นในตนเองและผู้อื่น
-มีกำลังใจและมีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต
-ทำให้รักในงานที่ทำและศรัทธาในสิ่งที่ทำ
-รับรู้ถึงความเป็นธรรม
-รู้สึกรักและผูกพันธ์กับชุมชน
อำนาจภายใน (Power Within)
คือศักยภาพหรือความสามารถที่มีอยู่ในตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หากไม่มีสามารถพัฒนาหรือฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ เพื่อนำมาใช้รับมือกับความเครียด ความกดดัน ปัญหาอุปสรรคในชีวิต การถูกใช้ความรุนแรง ถูกใช้อำนาจเหนือและความไม่เป็นเป็นธรรมโดยสันติวิธี ประกอบไปด้วยความอดทน การมีสติ ความเชื่อใจ ความกล้าหาญกล้าเปิดใจ การเสียสละความมุ่งมั่น การให้กำลังใจตนเอง การมีปัญญายอมรับความจริง ไม่กล่าวโทษตนเอง การปล่อยวาง ความมีเหตุผล การรู้จักตนเองและการเห็นคุณค่าของตนเอง ทั้งหมดเหล่านี้คือภาวะความเป็นผู้นำ
รูปแบบการใช้อำนาจ
อำนาจเหนือ (Power Over) คือการที่บุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร หรือสถาบันใช้แหล่งอำนาจที่มีเพื่อกดขี่ บังคับ เอาเปรียบ ตัดสินใจแทนและแสวงหาประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่ง
อำนาจร่วม(Power Sharing) คือการที่บุคคล กลุ่มบุคคล องค์กร หรือสถาบันที่ใช้แหล่งอำนาจที่มีเพื่อรับฟัง ตัดสินใจร่วม หรือเปิดโอกาสให้ตัดสินใจปรึกษาหารือและช่วยเหลือสนับสนุนอีกฝ่ายหนึ่ง การใช้อำนาจร่วมจะก่อให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง
12.00 - 13.00 น.
ทานอาหารกลางวัน
13.20 - 13.40 น.
กิจกรรมผ่อนพักตระหนักรู้
13.40 - 14.00 น.
เตรียมความพร้อมผู้เข้าร่วมโดยจับคู่บอกชื่อตำบลในจังหวัดสุรินทร์
14.00 - 14.30 น.
เรียนรู้ทักษะการแสวงหาความรู้/ทักษะการทำงานแบบมีส่วนร่วม
14.30 - 15.35 น.
เรียนรู้ทักษะการจับประเด็น
• เพื่อประโยชน์ของการเรียนรู้ ได้ประเด็นที่สำคัญ ทำให้กลุ่มได้เห็นและเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น
• ทำให้กล้าแสดงออกมากขึ้นก่อให้เกิดความมั่นใจในตนเอง
• เกิดความเข้าใจที่ตรงกันและทำให้รู้ว่าต้องพัฒนาเรื่องอะไร
ประเด็นสำคัญ คือใจความสำคัญ/สาระสำคัญและเนื้อหาสำคัญแต่ไม่ใช่การย่อความ ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญกับความรู้สึก
โจทย์
จับคู่ฝึกจับประเด็น โดยบ่งเป็นผู้เล่าเรื่องและผู้จับประเด็น โดยคนเล่าจะต้องเล่า ความสุขความทุกข์ ความประทับใจและความรัก 3 นาที และผู้สรุปต้องสรุปให้ได้ในระยะเวลา 30 วินาทีและสลับกันให้ได้เป็นทั้งผู้เล่าและผู้จับประเด็น หลักจากเสร็จแล้วให้แต่ละคนบอกสิ่งที่เพื่อนทำได้ดีในการจับประเด็น
15.35 - 17.00 น.
ฝึกจับประเด็น
โจทย์
จับกลุ่ม 4 คน ให้เล่าเรื่องราว เหตุการณ์ ความรู้สึก เกี่ยวกับอำนาจของฉัน
โดย คนแรกเป็นผู้เล่า 5 นาที
คนที่2 จับประเด็นให้เหลือ 2 นาที
คนที่3 จับประเด็นให้เหลือ 30 วินาที
คนที่4 เรียบเรียงเป็นประโยคสั้นๆหนึ่งประโยค
ผลัดกันจนได้เป็นผู้เล่าครบทุกคน
ถอดบทเรียนจากการฝึกจับประเด็น
โจทย์ รู้สึกอย่างไรกับการฝึกจับประเด็น
ความรู้สึก
รู้สึกผ่อนคลาย ขอบคุณ โล่งใจ มีความสุข กดดัน รู้สึกมีอารมร์ร่วม ลุ้น ตื่นเต้นเพราะคิดไม่ทัน ดีใจที่เห็นความกล้าและรู้สึกถึงความลำบากในการบริหารเวลา
โจทย์ สิ่งที่เราทำได้ดีในการจับประเด็น
สิ่งที่ทำได้ดี
-ฟังได้ดี ตั้งใจฟังจนจบ
-จับประเด็นได้สั้นกระชับและตรงประเด็น
-สามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกได้
-สามารถเรียบเรียงเรื่องราวได้ตรงประเด็น
-ไม่เติมแต่งหรือขยายและเปลี่ยนเรื่องราว
-ใช้คำได้ตรงกับเนื้อหาและความรู้สึก
โจทย์ สิ่งที่ต้องปรับปรุงและพัฒนา
สิ่งที่ต้องปรับปรุงและพัฒนา
-ต้องบริหารเนื้อหาให้คุ้มค่า เนื้อหาต้องชัดเจน ครบถ้วนและกระชับ
-ต้องมีการลำดับความสำคัญ
-ต้องถ่ายทอดให้ผู้ฟังได้เข้าใจ
-พูดต้องชัดถ้อยชัดคำ
-ต้องจับประเด็นเรื่องที่จะเล่าและเรื่องที่ฟัง
-ต้องมีความเข้าใจในเนื้อเรื่อง
-ต้องฟังอย่างตั้งใจ ไม่ทำให้ผู้พูดเสียกำลังใจ
-ต้องมีสติในการฟัง
-ต้องฟังให้จบก่อนแล้วค่อยวิเคราะห์
17.00 - 18.00 น.
เรียนรู้งานเกษตร เรียนรู้การขยายพันธุ์พืช
-การปักชำ -การเพาะเมล็ด
18.00 - 19.00 น.
ทานอาหารเย็น
19.00 - 19.30 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
19.30 - 21.00 น.
ดูหนัง Dolphin Tale เพื่อฝึกจับประเด็นจากการดูหนัง
21.00 - 21.15 น.
ฝึกเขียนบันทึก
19
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 19 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
ฝึกโยคะ
ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 08.45 น.
ทำสมาธิ
08.45 - 09.50 น.
กลุ่มสรุปบทเรียนออกมาสรุปบทเรียน
วิเคราะความสัมพันธ์ในกลุ่ม
โจทย์
แบ่งกลุ่มฐานและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในกลุ่มของเราอยู่ช่วงไหนและดูจากอะไร
ความสัมพันธ์ในกลุ่ม
-อยู่ในช่วงโกลาหล เพราะตื่นสาย นอนดึก เสียงดังมากขึ้นทำให้รบกวนการเรียน
-อยู่ในช่วงโกลาหล เพราะเริ่มหยอกล้อกันมากขึ้นและเล่นมากขึ้น
-อยู่ในช่วงโกลาหล เพาะเริ่มปล่อยตัว ไม่เกรงใจและเป็นตัวของตัวเอง
โจทย์
ช่วงโกลาหลมีผลต่อการเรียนรู้อย่างไร และในฐานะกระบวนกรเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
-ส่งผลให้เสียเวลามากในการจัดการและการทำงาน จะแก้ปัญหาโดยสร้างกฎกติการ่วมขึ้น ช่วยกันสะท้อนปัญหาและหาทางแก้ร่วมกัน
-ส่งผลให้เกิดการหยอกล้อกันแรง ทำให้เจ็บทั้งกายและใจและเกิดการอยากเอาคืน จะแก้ปัญหานี้โดยเปิดให้คุยกันในกลุ่ม
-ส่งผลให้ใส่ใจการเรียนรู้ลดลง จะแก้ปัญหานี้โดยให้ทบทวนตนเอง ทบทวนเป้าหมาย และให้กลุ่มช่วยกันตักเตือน
-ส่งผลให้แต่คนไม่มีความมั่นใจในตนเอง จะแก้ปัญหานี้โดยให้ทบทวนว่าปัญหานี้เกิดขึ้นจากอะไร จะมีวิธีแก้อย่างไร และจะนำไปปรับใช้กับตนเองอย่างไร
-ส่งผลให้ทุกคนอยากจะพูดทำให้ไม่เกิดการฟังและขาดการทบทวนตนเอง จะแก้ปัญหานี้โดยหากิจกรรมที่ผู้เข้าร่วมได้อยู่กับตนเองเช่น การทำสมาธิและโยคะ
-ส่งผลให้จดจ่ออยู่กับเพื่อนมากกว่าอยู่กับกลุ่มและการเรียนรู้ จะแก้ปัญหานี้โดยให้ผู้เข้าร่วมทำกิจกรรมปลีกวิเวกให้อยู่กับตนเอง
09.50 - 11.05 น.
ถอดบทเรียนจากหนัง Dolphin Tale เพื่อฝึกจับประเด็นเรื่องการใช้อำนาจ
โจทย์ แบ่งกลุ่มฐานแลกเปลี่ยนกลุ่มละประเด็น โดยมีประเด็นดังนี้
1.เราเห็นอำนาจภายในของโซเยอร์อย่างไรบ้าง
2.เราเห็นอำนาจภายในของดรเกรย์อย่างไรบ้าง
3.เราเห็นวิธีการใช้อำนาจเหนือระหว่างตัวละครอย่างไรบ้าง
4.เราเห็นวิธีการใช้อำนาจร่วมของตัวละครอย่างไรบ้าง
5.โซเยอร์ใช้แหล่งอำนาจอะไรช่วยวินเทอร์
6.อะไรคือรูปแบบการเรียนรู้ของโซเยอร์และเฮเซล
7.หนังต้องการสื่อถึงอะไร
บทเรียนสำคัญที่ได้จากหนัง
อำนาจภายในของโซเยอร์
มีความกล้าตัดสินใจ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ถึงเป้าหมาย มีความไม่ยอมแพ้ มีทักษะการสังเกต มีความพยายามที่จะช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด
อำนาจภายในของดรเกรย์
มีตวามรับผิดชอบดูจากการดูแลสัตว์และครอบครัว มีความอดทนจากแรงกดดันและปัจจัยภายนอก มีความเสียสละทั้งทรัพย์สินและเวลาของตนเอง มีความเมตตาชอบช่วยเหลือ รับฟังเสียงส่วนมาก มีความมุ่งมั่นดูจากการดูแลสัตว์และความอยู่รอดของโรงพยาบาล สามารถดูแลคนในบ้านได้ เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้อื่นและเปิดโอกาสให้ผู้อื่น กล้าหาญและกล้าเสี่ยงเพื่อรักษาชีวิต
วิธีการใช้อำนาจเหนือระหว่างตัวละคร
แม่บังคับโซเยอร์ให้ไปโรงเรียนเพราะแม่มีแหล่งอำนาจมากกว่า ครูบอกกับแม่ว่าจะไม่ออกเกรดให้หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของตน คณะกรรมการของโรงพยาบาลมีสิทธิ์กำหนดทิศทางของโรงพยาบาล เพื่อนที่แกล้งโซเยอร์เพราะเพื่อนมีแหล่งอำนาจคือพรรคพวก
วิธีการใช้อำนาจร่วมของตัวละคร
การประชุมลงมติในการขายโรงพยาบาล การตัดสินใจร่วมกันในการทำหางให้วินเทอร์ การตัดสินใจร่วมของแม่ โซเยอร์และดร.เกรย์ในการที่โซเยอร์ยังอยู่ในโรงพยาบาลต่อได้หรือไม่และจะศึกษาต่ออย่างไร การให้โอกาสโซเยอร์และเฮเซลในการจัดงานการกุศล
แหล่งอำนาจที่โซเยอร์ใช้ช่วยวินเทอร์
โซเยอร์ใช้อำแหล่งอำนาจภายนอกคือสื่อและเทคโนโลยีในการหารายได้ ใช้อำนาจภายนอกแบบมีส่วนร่วมจากครอบครัวที่สนับสนุน องค์กรเข้าช่วยเหลือวินเทอร์แสดงถึงการใช้อำนาจที่เกิดประโยชน์
รูปแบบการเรียนรู้ของโซเยอร์และเฮเซล
โซเยอร์เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบและสนใจ มีเป้าหมายและทำทุกอย่างเพื่อให้ถึงเป้าหมาย เรียนรู้จากกันและกันและเรียนรู้จากสิ่งที่คนอื่นเป็น
สิ่งที่หนังต้องการสื่อถึง
ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือโลมา โซเยอร์มีวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้อำนาจในรูปแบบต่างๆ การให้การสนับสนุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์โดยการให้ความรักและความเข้าใจ การใช้เครือข่ายในการช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหา การยอมรับในตนเอง กำลังใจจากครอบครับเป็นสิ่งสำคัญในการเผชิญกับปัญหาและความคิดของเด็กมีคุณค่า
บทเรียนสำคัญที่ได้จากหนัง
การเรียนรู้จากภายนอกเป็นเรื่องสำคัญ การถูกบังคับในสิ่งที่ไม่ชอบทำให้ต่อต้าน ควรเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ในสิ่งที่รัก การร่วมมือกันทำให้สำเร็จ การใช้สื่อให้เกิดประโยชน์และการมีทรัพย์สินมากไม่ได้ก่อให้เกิดความสุข
11.05 - 11.20 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
11.20 - 12.00 น.
เรียนรู้การศึกษาในระบบและนอกระบบ
โจทย์ จับกลุ่ม4-5 คนแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการศึกษาทั้งนอกระบบและในระบบโดยมีประเด็นดังนี้
-ลักษณะของครูและกระบวนกรเป็นอย่างไร
-กระบวนกรมีวิธีการสร้างการเรียนรู้อย่างไร
-เนื้อหาการเรียนรู้ของแต่ละระบบเป็นอย่างไร
-บรรยากาศการเรียนรู้ของแต่ละระบบเป็นอย่างไร
-สื่อหรือเครื่องมือที่ใช้ของแต่ละระบบคืออะไร
การศึกษาในระบบ
การศึกษาในระบบเรียนตามหลักสูตรที่ตายตัวแยกเป็นเนื้อหาวิชาชัดเจน มีการประเมินผลวัดผลจัดอันดับตามความเก่งและไม่เก่ง มีกฎและระเบียบที่เป็นการบังคับ สังคมในการเรียนเป็นแบบต่างคนต่างเรียนและมีการแข่งขันตลอดเวลา ครูเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้และเน้นใช้อำนาจเหนือ ครูต้องสอนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เน้นการสอนแบบทางเดียวคือครูให้ความรู้อย่างเดียว เรียนในห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ เน้นสอนทักษะเพื่ออาชีพ มีการบ้านและเน้นการท่องจำ ไม่มีการถอดบทเรียนและไม่เน้นการเรียนรู้ผ่านประประการณ์ สื่อในการเรียนไม่หลากหลายเน้นเนื้อหาจากหนังสือและสื่อ เน้นการบรรยาย ครูสอนตามหน้าที่เด็กเรียนตามหน้าที่ ขาดแรงบันดาลใจในการเรียนการสอน ขาดความกล้าแสดงออก เน้นผลงาน และแยกฐานะทางเศรษฐกิจเด็กเก่งและมีฐานะดีจะได้รับการดูแลดีเป็นพิเศษ
การศึกษานอกระบบ
มีการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จากการลงมือทำและกิจกรรม ฝึกทักษะชีวิตและควบคู่กับอาชีพ มีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กัน เน้นการมีส่วนร่วม มีเนื้อหาที่หลากหลายตามความสนใจและยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ คิดได้นอกกรอบไม่ตายตัวและไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันและกันและเรียนรู้ไปพร้อมกัน ไม่มีการจัดอับดับและไม่มีการแข่งขัน มีความเชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ กระบวนกรมีทักษะในการแสวงหาความรู้เพื่อให้เกิดการแสวงหาความรู้พร้อมกัน เน้นการใช้อำนาจร่วม กระบวนกรมีความเป็นมิตรละเป็นกันเอง บรรยากาศผ่อนคลายและร่าเริงแบบพอดีและไม่จำกัดอายุทุกคนสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 13.15 น.
ผ่อนพักตระหนักรู้
13.15 - 13.30 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
13.30 - 15.05 น.
เรียนรู้ทักษะการตั้งคำถาม
ประโยชน์ของตั้งคำถาม
-ทำให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย
-เป็นการกระตุ้นให้คิด
-เป็นการทบทวนความเข้าใจของตนเอง
-เพื่อใช้แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
-เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้
-เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงานวิจัย
ลักษณะคำถามที่ทำให้เกิดประโยชน์
ต้องเป็นคำถามที่สั้น กระชับ ชัดเจนและเข้าใจง่าย เป็นคำถามปลายเปิดที่ตอบได้มากกว่าคำตอบเดียว เช่นเพราะอะไร อย่างไร สามารถใช้คำถามปลายปิดได้เพื่อต้องการความชัดเจน
ฝึกสัมภาษณ์และตั้งคำถาม
โจทย์ จับกลุ่ม 9 คน สัมภาษณ์กระบวนกรกลุ่มละ 1 คน ในประเด็นเส้นทางการเป็นกระบวนกร
ข้อสังเกต
-ควรใช้คำในการตั้งคำถามที่เฉพาะเจาะจง ไม่ควรใช้คำที่กว้างหรือยากจนเกินไป
-มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง เป็นการทวนความมากกว่าการสรุป
-ในการสัมภาษณ์ต้องฟังน้ำเสียงและการเน้นเสียงของผู้ถูกสัมภาษณ์
-ต้องมีการจับประเด็นควบคู่ไปกับการตั้งคำถาม หากจับประเด็นได้ดีจะทำให้ตั้งคำถามได้ดี
ความยากความถ้าทายในการฝึกการสัมภาษณ์และการตั้งคำถาม
-ต้องจัดการกับอารมณ์ความตื่นเต้นและความกังวลใจของตนเอง
15.05 - 17.00 น.
ฝึกสัมภาษณ์และตั้งคำถามเป็นคู่
โจทย์ จับคู่กับเพื่อนที่อยู่ต่างพื้นที่ ฝึกตั้งคำถาม จับประเด็นและสรุปในประเด็น เป้าหมายในชีวิต
กิจกรรมภาพปริศนา
เพื่อฝึกการสื่อสาร การตั้งคำถาม การฟังและจับประเด็น
โจทย์ จับกลุ่ม 5-6 คน ให้กลุ่มวาดภาพให้รายละเอียดครบตามต้นฉบับ โดยมีเวลา 30 นาที
กติกา จะแบ่งคนออกไปตามตำแหน่งซึ่งมีอยู่ 4 ตำแหน่ง
-ตำแหน่งที่1 มีหน้าที่ดูภาพต้นฉบับแล้วนำมาบอกกับตำแหน่งที่2ในตำแหน่งที่กำหนด โดยจะสามารถสื่อสารผ่านการพูดและท่าทางเท่านั้น
-ตำแหน่งที่2 มีหน้าที่นำข้อมูลที่ได้ไปบอกกับตำแหน่งที่3ในตำแหน่งที่กำหนด โดยจะสามารถสื่อสารผ่านการพูดและท่าทางเท่านั้น
-ตำแหน่งที่3 มีหน้าที่นำข้อมูลที่ได้ไปบอกกับตำแหน่งที่4ในตำแหน่งที่กำหนด โดยจะสามารถสื่อสารผ่านการพูดและท่าทางเท่านั้น
-ตำแหน่งที่4 มีหน้าที่วาดภาพตามที่คนที่3บอก
-ตำแหน่งที่5 สามารถไปได้ทุกๆตำแหน่ง แต่ไม่สามารถพูดได้ สามารถพยักหน้าได้อย่างเดียว
*ตำแหน่งที่1-3สามารถวิ่งไปดูและนำมาบอกตำแหน่งอื่นกี่รอบก็ได้

ถอดบทเรียนกิจกรรมภาพปริศนา
โจทย์ ในฐานะกระบวนกรเราสามารถนำไปสู่การเรียนรู้อะไรได้บ้างจากการทำกิจกรรมนี้/ถอดบทเรียนอะไรได้บ้าง
ประเด็นสำคัญในการถอดบทเรียน
-การสื่อสาร -การทำงานเป็นทีม
ประเด็นย่อย
-การรับส่งสาร -การจินตนาการ -การแบ่งหน้าที่ -การเข้าใจกัน -การสังเกต -การมีสติ -ความซื่อสัตย์
-การรับฟัง -การจับประเด็น -ความไว้วางใจ -การวางแผนคิด วิเคราะห์ -การเข้าใจศักยภาพของตนเอง
-การจดจำ
*หนึ่งกิจกรรมมีเนื้อหาที่หลากหลายต้องเลือกประเด็นที่สำคัญในการใช้เป็นหลักถอดบทเรียน
17.00 - 18.00 น.
เรียนรู้งานเกษตร การปรุงดินเพื่อเตรียมการเพาะปลูก
18.00 - 19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น
19.00 - 19.15 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
19.15 - 21.20 น.
ฝึกถอดบทเรียน
โจทย์ แบ่งกลุ่ม 9 คน เลือกประเด็นสำคัญที่จะถอดบทเรียนของตนเองจากกิจกรรมภาพปริศนา โดยแต่ละคนมีเวลาในการถอดบทเรียนคนละ 10 นาที เวียนจนครบทุกคน
21.20 - 21.50 น.
ฝึกเขียนบันทึก
20
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 20 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
ฝึกโยคะ
ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 08.45 น.
ทำสมาธิเพื่อเตรียมตัวเรียนกิจกรรมช่วงเช้า
08.45 - 10.45 น.
ถอดบทเรียนจากการฝึกถอดบทเรียน
ข้อสังเกต
-ต้องฟังและจับประเด็นให้ได้
-ต้องฝึกจนเป็นทักษะ
-ใช้คำที่คมที่เข้าใจได้
-ควรเป็นคำถามที่เป็นปลายเปิด และต้องการสรุป
-ต้องมีแผนที่คำถาม
-ต้องเลือกเรื่องที่ต้องการถอดบทเรียน
ใช้วงจรการเรียนรู้ในการถอดบทเรียน
1. การลงมือทำผ่านการทำกิจกรรมหรือโครงการที่ทำในชุมชน/องค์กรณ์หรือการใช้ชีวิต
-ความรู้สึก คือสิ่งที่แสดงออกมา สิ่งปรากฎขึ้นในใจหรือในกลุ่ม
คำถาม
ประทับใจอะไร -รู้สึกกับทีมอย่างไร -เรารู้สึกอย่างไรกับบทบาทหน้าที่ที่เราได้รับ -ตอนทำกิจกรรมรู้สึกอย่างไร -ชื่นชมอะไรในตัวเพื่อน
2. ข้อสังเกต คือปรากฎการณ์/ความรู้สึกหรือความคิดและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการทำกิจกรรมนั้น
คำถาม
เราทำอะไรได้ดีในการทำงานร่วมกัน -สิ่งที่เราทำได้ดีในแง่ของการสื่อสาร -จากกิจกรรมเราเห็นข้อผิดพลาดในการทำการทำงานอย่างไรบ้าง -เรามีข้อสังเกตในการทำงานร่วมกันอย่างไรบ้าง
-เราเห็นทักษะ/ความสามารถ/ศักยภาพอะไรในตัวเพื่อน -หากเราแบ่งหน้าที่ได้ดีจะส่งผลดีอย่างไรบ้าง
-เราได้ฝึกทักษะอะไรบ้าง
3. บทเรียน คือการนำข้อสังเกตที่ได้มาพัฒนาเป็นบทเรียนหรือประยุกต์ใช้ในการทำงานแบบมีส่วนร่วม
คำถาม
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง -ได้ข้อคิดอะไร -อยากปรับปรุงเรื่องอะไรบ้าง /อยากทำอะไรให้ดีขึ้น
ได้บทเรียนอะไรจากการสื่อสาร -การสื่อสาร/ลักษณะของการสื่อสารที่ดีควรเป็นอย่างไร
องค์ประกอบของการสื่อสารที่ดีเป็นอย่างไร

โจทย์ จับคู่ฝึกถอดบทเรียนในประเด็นประสบการณ์การฝึกถอดบทเรียน มีเวลา 5 นาที/คน
และบอกสิ่งที่เพื่อนทำได้ดีในการถอดบทเรียน
10.45 - 12.00 น.
เรียนรู้กรอบในการคิดเป็น/การคิดเป็น เพื่อฝึกให้เกิดการคิดอย่างเป็นระบบ
โจทย์ จับกลุ่ม 4 คน แลกเปลี่ยนกันในประเด็น
-คิดเป็นหมายถึงอะไร
-ต้องทำอย่างไรถึงจะคิดเป็น
-การคิดเป็นส่งผลต่อการทำงานอย่างไร
ประโยชน์ของคิดจัดระบบ
-ทำให้รู้ข้อจำกัด ความถนัด
-ทำให้เราบริหารจัดการได้ดีขึ้น
-กระชับเวลาในการดำเนินชีวิต
-ทำให้คิดได้มากขึ้น
ฝึกจัดหมวดหมู่จากคำที่กำหนดให้ โดยให้แต่ละหมวดหมู่เชื่อมโยงกัน
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 13.15 น.
ผ่อนพักตระหนักรู้
13.15 - 13.30 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
13.30 - 17.40 น.
เรียนรู้การคิดแบบมีทิศทาง เพื่อให้คิดออกแบบคำถามอย่างมีทิศทางในการถอดบทเรียน
คำถามประเด็นการกินขนมกรุบกรอบ : คิดให้เห็นคุณและโทษ ต้องตั้งเป้าหมายว่าจะนำไปสู่อะไรหาทิศทางของเป้าหมายมาเป็นคำถามปิดท้ายเพื่อให้ได้เป้าหมาย เป้าหมายของประเด็นนี้คือให้เห็นคุณโทษของขนมกรุบกรอบ
-ใครเคยกินหรือไม่เคยกิน
-ข้อดีและข้อเสียของการกินขนมกรุบกรอบ
-เรามีวิธีลดการกินขนมกรุบกรอบอย่างไร
-เราจะเลือกทานขนมกรุบกรอบอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โจทย์ แบ่งกลุ่ม 9-10 คน ให้แต่ละคนในกลุ่มเลือกประเด็นที่กำหนดโดยไม่ซ้ำ เพื่ออกแบบคำถามในการถอดบทเรียนจากสถานะการณ์ในชีวิต แต่ละคนมีเวลา15 นาที/คน โดยมีประเด็นดังนี้
-ความรักในวัยเรียน -การเรียนรู้นอกห้องเรียน -รถแห่
-การเล่นเกมโทรศัพท์มือถือ -การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ -การเข้า7-11
-การกินหมูกระทะ -การทะเลาะวิวาท
-การนอนดึก -ความสัมพันธ์ในครอบครัว
-การดื่มน้ำอัดลม -การเรียนในห้องเรียน
17.40 - 18.00 น.
เตรียมประเด็นพูดในที่ชุมชน
18.00 - 19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น
19.00 - 20.00 น.
ถอดบทเรียนจากกิจกรรมการตั้งคำถามอย่างมีทิศทาง
โจทย์ เราทำอะไรได้ดีในฐานะกระบวนกรและสิ่งที่เราทำได้ดีขึ้นคืออะไร
สิ่งที่ทำได้ดี
-ตั้งคำถามได้ชัดเจน ไม่ต้องถามซ้ำ
-ตั้งคำถามปลายเปิด
-ตั้งคำถามได้สอดคล้องกับเป้าหมายและเชื่อมโยงกัน
-ใช้คำที่ระบุเฉพาะเจาะจง
-มีการจัดหมวดหมู่ก่อนสรุป
-ใช้คำถามเจาะลึกและมีคำถามตามเรื่อยๆ
-จดจ่อในการฟัง
-ทวนคำตอบเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ

สิ่งที่อยากทำให้ดีขึ้น
-การนำข้อผิดพลาดมาปรับใช้
-มีความเชื่อและเปิดใจทำให้เข้าใจ
-ใช้เวลาในการเตรียมตัวมากขึ้น
-ความสัมพันธ์ที่ดีทำให้กล้าตอบและกล้าแสดงออก
-มีความเชื่อมั่นจากการผ่านการทำหลายรอบ
-รู้หลักคิดที่จะนำมาใช้ในการตั้งคำถาม
-จดจ่ออยู่กับกระบวนการเรียนรู้
-ใช้เครื่องมือและความรู้มาใช้ในการตั้งคำถามและจับประเด็น
20.00 - 21.00 น.
เรียนรู้การนำประชุมแบบมีส่วนร่วม : เป็นการชี้แจง แลกเปลี่ยนผ่านการตัดสินใจร่วม
• การวางแผนการประชุม
ต้องวางประเด็นหรือเป้าหมายในการประชุมก่อน และสร้างการมีส่วนร่วมในการประชุมให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยน ชี้แจงและตัดสินใจร่วม
• การตัดสินใจ
ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทั้งในแบบฉันทามติ หรือตามเสียงส่วนใหญ่เคารพเสียงส่วนน้อย ทุกคนต้องยอมรับในการตัดสินใจร่วม ต้องมีวิธีการตัดสินใจคือแบบเปิดที่รู้ตัวผู้ออกเสียงและแบบปิดที่ไม่รู้ตัวผู้ออกเสียง
เรียนรู้ตัวอย่างการนำประชุมแบบมีส่วนผ่านทีมกระบวนกร ในประเด็น จะจัดการเรียนรู้อย่างไรเมื่อมีน้องส่วนหนึ่งต้องกลับบ้านก่อน
ฝึกการนำการประชุมแบบมีส่วนร่วม
โจทย์ แบ่งกลุ่มตามที่พักประชุมในประเด็น จะอยู่ร่วมกันอย่างไรที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ของทุกคน
เป้าหมาย : เพื่อสร้างข้อตกลงการอยู่ร่วมกัน
21.00 - 21.30 น.
ฝึกเขียนบันทึก
21
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 21 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
ออกกำลังกาย (ไท่ฉี)
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 08.45 น.
ทำสมาธิ เพื่อเตรียมตัวในการเรียนรู้ในช่วงเช้า
08.45 - 09.00 น.
กลุ่มสรุปบทเรียนออกมาสรุปบทเรียน
09.00 - 09.25 น.
ถอดบทเรียนจากการนำการประชุมแบบมีส่วนร่วม
โจทย์ อะไรที่ผู้นำการประชุมทำได้ดี
ทำอย่างไรที่จะทำให้เรานำการประชุมได้ดีขึ้น
สิ่งที่ทำได้ดี
-ตั้งคำถามได้ชัดเจน
-ตั้งคำถามเชื่อมโยงกัน
-เรียงคำพูดได้เข้าใจ
-สามารถสร้างการตัดสินใจร่วมได้
-เปิดโอกาสให้คนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
-ฟังอย่างตั้งใจทำให้สามารถสรุปได้
สิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป
-ต้องสรุปให้ครอบคลุมเนื้อหา
-ต้องมีความจริงใจ
-ต้องจริงจังให้มากขึ้น
-ต้องพูดจูงใจให้ผู้อื่นตอบได้
09.25 - 12.00 น.
กิจกรรมการให้ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น
วิธีการเล่น แบ่งกลุ่ม 6 คน มีไพ่ความรู้สึก และความต้องการ
1.เลือกผู้เล่าเรื่องคนแรกที่จะเป็นผู้เล่าเรื่องก่อน
2.แจกไพ่ความความต้องการให้กับทุกๆคนยกเว้นผู้เล่าเรื่อง
3.ผู้เล่าเรื่องจะต้องเล่าเรื่องที่ค้างอยู่ภายในใจ หลังจากเล่าแล้วให้ผู้เล่าเลือกไพ่ความรู้สึกมาวางในวง
4.ผู้เล่นที่เหลือต้องหาไพ่ความต้องการที่สอดคล้องกับไพ่ความรู้สึกขอผู้เล่าแล้วถามว่าผู้เล่าต้องการต้องการนี้ใช่หรือไม่แล้ววางให้ตรงกับไพ่ความรู้สึกที่สอดคล้อง โดยที่ผู้เล่าไม่ต้องตอบ *หากไม่มีให้เคาะพื้น 2 ครั้งแล้วค่อยผ่านไป
5.เวียนจนไม่มีผู้วางแล้ว จากนั้นให้ผู้เล่าเลือกไพ่ความต้องการที่ตรงกับไพ่ความรู้สึกของตนเองที่สุด โดยสามารถสลับตำแหน่งและเลือกจากไพ่ที่อยู่ตรงหน้า ไพ่บนหน้าตักเพื่อนและไพ่ที่เหลืออยู่ได้
6.ผู้เล่าอธิบายเชื่อมโยงความรู้สึกและความต้องการของตนเอง หลังจากนี้ให้เวียนจนครบทุกคนเป็นอันจบกิจกรรม
โดยมีกติกาสำคัญคือ ต้องเก็บเรื่องที่เพื่อนเล่าไว้ในกลุ่มเท่านั้น ห้ามนำออกไปเล่าต่อเด็ดขาด
ถอดบทเรียนกิจกรรมให้ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น
โจทย์ ได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรมนี้
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 14.30 น.
ผ่อนพักตระหนักรู้
14.30 - 18.00 น.
ฝึกพูดในที่ชุมชน : ที่ตลาดสีเขียว จ.มหาสารคาม
โดยให้ผู้เข้าร่วมได้เลือกลำดับการพูดด้วยตนเอง
โจทย์ ให้ทุกคนขึ้นพูดในที่ชุมชนโดยพี่เลี้ยงต้องพูดในเวลา 5 นาที ผู้เคยมีประสบการณ์พูดในที่ชุมชนแล้วพูด 3 นาที และผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์พูดในที่ชุมชนพูด 2 นาที
กติกา ผู้พูดจะเริ่มพูดได้ก็ต่อเมื่อตนเองนิ่งแล้วได้ยินเสียงสัญญาณระฆังคือเริ่มจับเวลา และจะลงจากเวทีได้ก็ต่อเมื่อเสียงระฆังหมดเวลาดังขึ้น
*ทุกคนต้องให้คะแนนเพื่อนที่ขึ้นไปพูด มีระดับคะแนน 5 ระดับ ประเมิน 3 ประเด็นคือ ประเด็นการพูด เนื้อหาและการสรุป
18.00 - 19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น
19.00 - 19.10 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
19.10 - 21.00 น.
ถอดบทเรียนจากการฝึกพูดในที่ชุมชน
นำคะแนนที่ประเมินมาให้เพื่อนแต่ละคน เรียงลำดับตามการขึ้นพูด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ประเมินตนเองว่าควรปรับเรื่องใด
โจทย์ ความรู้สึกอะไรที่เกิดขึ้น
สิ่งที่ตนเองหรือผู้อื่นทำได้ดี
สิ่งที่ควรปรับปรุงหรือพัฒนาต่อไป
ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
กับตนเองความรู้สึกด้านลบคือ เครียด กังวล กดดัน กลัว ความรู้สึกด้านบวกคือรู้สึกยิ่งใหญ่ มีอำนาจ สนุก และเฉยๆ
กับผู้อื่นมีความรู้สึก กังวล กลัว อาย เครียด และมั่นใจซึ่งสังเกตได้จากอาการนิ่งและการอยู่กับตนเอง
สิ่งที่ทำได้ดี
สิ่งที่ตนเองทำได้ดีคือใช้เวลาได้เต็มที่มีการบริหารจัดการเวลาได้ดี จัดการกับความตื่นเต้นของตนเองได้โดยการอยู่กับลมหายใจหรือจินตนาการว่าผู้ฟังเป็นสิ่งอื่น ดึงดูดความสนใจผู้ฟัง มีความกล้าที่จะพูดในที่สาธารณะและกล้าสบตากับผู้ฟัง
สิ่งที่ผู้อื่นทำได้ดีมีการเตรียมความพร้อมโดยการร่างสิ่งที่จะพูด มีความกล้าที่จะเลือกใช้ภาษาอื่นทำให้ผู้ฟังสนใจ กลับมาตั้งสติได้รวดเร็ว มีการใช้ประสบการณ์ของตนเองเป็นเรื่องที่พูดในที่ชุมชน มีการสรุปประเด็นที่ดีและมีความพยายามที่จะพูด
สิ่งที่ควรปรับปรุงหรือพัฒนาต่อไป
ควรจัดเนื้อหาให้เหมาะสมกับเวลา ต้องเลือกประเด็นให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง ปรับเรื่องการพูดวกวนควรจัดลำดับโดยการใช้กรอบความคิดเข้าช่วย ควรให้เวลากับการสรุปประเด็น ปรับเรื่องบุคลิกภาพโดยควรมีความมั่นใจบุคลิกภาพที่ดีจะตามมา ให้เวลากับการเตรียมประเด็น จัดลำดับและฝึกซ้อมมากขึ้น ปรับเรื่องการใช้น้ำเสียงและควรกลับมาอยู่กับตนเองเมื่อหลงลืม
21.00 - 21.15 น.
ฝึกเขียนบันทึก
22
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 22 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
ออกกำลังกาย(ไท่ฉี)
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 08.45 น.
ทำสมาธิ เพื่อเตรียมตัวในการเรียนรู้ในช่วงเช้า
08.45 - 09.45 น.
เรียนรู้เรื่องการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเกิดขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่เป็นฐานใจ ซึ่งจะผลกระทบกับฐานกายส่วนบนส่วนกลาง และส่วนล่าง ส่งผลต่อส่วนบนคือทำให้เกิดการกัดกรามและขมวดคิ้ว ส่งผลต่อร่างกายส่วนกลางคือทำให้ไหล่ตึง แขนตึง ห่อไหล่ก่อให้เกิดอาการปวด หนีโลกและส่งผลต่อรบบต่างๆ ในร่างกาย และส่งผลกับร่างกายส่วนล่างทำให้เกิดอาการปวดและส่งผลต่อระบบต่างๆ จะเห็นได้ว่าอาการเจ็บปวดต่างๆเกิดจากความเครียดภายในจิตใจ
วิธีจัดการกับความเครียด
ใช้ฐานกายช่วยโดยการหายใจช้าๆเป็นจังหวะ กายเคลื่อนไหว(ไท่ฉี โยคะ กังฟู) เพื่อให้พักจากความคิดทำให้เรามั่นคงจากภายใน
กลุ่มสรุปบทเรียนออกมาสรุปบทเรียน

กิจกรรมแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง :
จุดประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยเน้นให้ได้ยินเสียงของทุกคน และทุกคนมีโอกาสในการตัดสินใจ โดยใช้สถานการณ์จริงของความขัดแย้งในค่าย
โจทย์ มีเส้นอยู่หนึ่งเส้น ฟากซ้ายของเส้นหมายถึงไม่อยากกลับ ตรงกลางเส้นหมายถึงลังเล และฟากขวาของเส้นคืออยากกลับ ทุกๆฟากสามารถความคิดเห็นของตนเองได้ และเมื่อฟังฟากอื่นแล้ว ต้องการเปลี่ยนจุดที่อยู่ก็สามารถเปลี่ยนได้
09.45 - 10.00 น.
ปรับเปลี่ยนตารางเวลาร่วมกัน
10.00 - 11.30 น.
ฝึกออกแบบกิจกรรม
โจทย์ จับคู่และจัดหมวดหมู่ว่าตลอดระยะเวลา 6 วัน เราได้เรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง
หมวดหมู่
1.การเรียนรู้ผ่านการออกกำลังกาย สมาธิและการจัดการกับความเครียด
-โยคะ -ไท่ฉี -การจัดการกับความเครียด -ผ่อนพักตระหนักรู้ -นั่งสมาธิ
2.กิจกรรมท้าทายกลุ่ม สร้างความสัมพันธ์และการรู้จักตนเอง
-พลิกเสื่อ -ตุ๊กตาล้มลุก -ตาข่ายไฟฟ้า -ยกคนขึ้นฟ้า -บาร์รอมิเตอร์(อำนาจ)
-แนะนำตัว -ไพ่นางฟ้า
-ไพ่ความรู้สึกและความต้องการ(การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น)
3.การฝึกทักษะ
-การพูดในที่ชุมชน -ถอดบทเรียน -นำการประชุม -การตั้งคำถาม
-การจับประเด็น -การฟัง
4.สื่อการเรียนรู้
-ดูหนัง -คลิป -หนังสือ -บทความ
5.กิจกรรมในชีวิตประจำวัน
6.สันทนาการ/เตรียมความพร้อมผู้เข้าร่วม

โจทย์ จับกลุ่ม 4 คน แลกเปลี่ยนในกลุ่มว่าในการออกแบบกิจกรรมเราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ข้อควรคำนึงในการออกแบบกิจกรรม
-ความคาดหวังหรือเป้าหมาย
-กลุ่มเป้าหมาย จำนวน อายุและเพศ
-กิจกรรมการเรียนรู้ต้องดูสภาพร่างกายกลุ่มเป้าหมาย
-เวลาและสถานที่
-บรรยากาศในการเรียนรู้ต้องไม่เครียด
-ความปลอดภัย
-การมีส่วนร่วม
-ความเชื่อ ประเพณีและวัฒนธรรม
-ประโยชน์ที่จะนำไปใช้
-งบประมาณและทรัพยากรที่มี
-เนื้อหาและลำดับกิจกรรม
11.30 - 12.00 น.
ออกแบบกิจกรรม
โจทย์ จับคู่คิดกิจกรรมซึ่งกิจกรรมต้องประกอบด้วยต้องประกอบด้วยชื่อกิจกรรม วัตถุประสงค์ โจทย์ในการดำเนินกิจกรรม กติกา แนวทางในกาดำเนินกิจกรรมซึ่งประกอบด้วยการให้โจทย์ การลงมือทำและการถอดบทเรียน โดยมีเวลาทั้งหมดคู่ละ 30 นาที แบ่งเป็นให้โจทย์และลงมือทำ 15 นาทีและถอดบทเรียน 15 นาที
ฝึกนำกิจกรรม
โจทย์ แบ่งผู้เข้าร่วมออกเป็น 2 กลุ่มๆละ 18 คนเพื่อฝึกนำกิจกรรม เมื่อแต่ละคู่นำกิจกรรมเสร็จแล้วทุกๆคนที่ร่วมกิจกรรมจะเขียนข้อชื่นชมและสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการเป็นกระบวนกรจากเพื่อน และให้อีกกลุ่มเป็นตัวแทนสะท้อน กลุ่มที่นำสะท้อนความรู้สึกของตนเองเอง สิ่งที่ทำได้ดีและสิ่งที่อยากปรับ จากนั้นจึงฟังคำแนะนำจากทีมกระบวนกรที่ดูแล
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 13.15 น.
ผ่อนพักตระหนักรู้
13.15 - 13.30 น.
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
13.30 - 17.10 น.
ฝึกนำกิจกรรม(ต่อ)
17.10 - 18.00 น.
เรียนรู้งานเกษตร : ขุดแปลงปลูกผัก
18.00 - 19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น
19.00 - 21.00 น.
ฝึกทำกิจกรรม(ต่อ)
21.00 - 21.15 น.
ฝึกเขียนบันทึก
23
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 23 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
ออกกำลังกาย(ไท่ฉี)
ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 08.50 น.
ทำสมาธิเพื่อเตรียมตัวเรียนกิจกรรมช่วงเช้า
กลุ่มสรุปบทเรียนสรุปบทเรียน
08.50 - 10.00 น.
เรียนรู้การแก้ปัญหาหากผู้เข้าร่วมไม่ปฏิบัติตามกฎ-กติกา
โจทย์ หากผู้เข้าร่วมไม่ทำกฎ-กติกาเราจะทำอย่างไร
กฎ-กติกาสำคัญอย่างไรต่อการเรียนรู้
ความสำคัญของกฎ-กติกา
-เป็นการสร้างระเบียบวินัยในตนเอง
-ทำให้รู้หน้าที่ของตนเองฝึกให้เกิดความผิดชอบ
-เป็นการกระตุ้นให้กระตือรือร้น
-ช่วยให้ไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและเป็นการสร้างความปลอดภัย
-เป็นตัวกำกับพฤติกรรมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและทำให้สนใจเรียนรู้
-ง่ายต่อการดูแลของกระบวนกร
-ทำให้เกิดการดูแลกัน
-ทำให้ไปสู่ป้าหมายได้ง่ายขึ้น
วิธีการแก้ปัญหา
-ให้มีตัวแทนบ้านเป็นผู้คอยดูแลกฎ-กติกา
-ให้มีการจัดการตนเองและตักเตือนกัน
-ให้มีการทบทวนข้อตกลงโดยการนั่งทานข้าวเนกลุ่มบ้านในช่วงเช้า และให้หัวหน้ากลุ่มมาเล่าหรือพูดคุยสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้กับทีมกระบวนกรได้รับฟังในเวลาหลังทานข้าวเช้า
10.00 - 12.00 น.
ฝึกนำกิจกรรม(ต่อ)
ถอดบทเรียนจากการฝึกนำกิจกรรม
โจทย์ อะไรคือสิ่งที่ท้าทายในการนำกิจกรรม
สิ่งที่ท้าทาย
-การควบคุมอารมณ์ของตนเองและการสร้างบรรยากาศ
-ต้องแม่นยำในเนื้อหาและองค์ความรู้
-ต้องมีทั้งทักษะการพูด การฟัง การจับประเด็นและการตั้งคำถาม
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 19.00 น.
กิจกรรมทักษะชีวิต หาอาหารและการประกอบอาหาร
-หาข้อตกลงเกี่ยวกับวัตถุดิบและเมนูอาหาร
-เรียนรู้กับชุมชนโดยการช่วยชุมชนประดับรถที่ใช้ในขบวนแห่เทศกาลไหลเรือไฟ
-หาวัตถุดิบในการประกอบอาหารและประกอบอาหาร
19.00 - 20.00 น.
รับประทานอาหารเย็นร่วมกันจากอาหารที่ช่วยกันหาและลงมือปรุงเอง
20.00 - 21.00 น.
ร้องเพลง
อ่านหนังสือเรื่อง “ดอกไม้และความหวัง” : เพื่อฝึกจับประเด็นและการตีความความ
ประเด็นที่ต้องสังเกต
-ตัวหนอนแก้วลายและเหลืองนวล
-ภูเขาหนอน
-การปีนป่าย
-ดักแด้
-การกินแล้วเบื่อ
-การเบื่อในชีวิตและการอยู่ร่วมกัน
-ข้างบนนั้นไม่มีอะไร
-ผีเสื้อและการโบยบิน
-ประทับใจเรื่องไหน
-ประสบการณ์ในชีวิตที่สอดคล้องหรือตรงกัน
21.00 - 21.15 น.
ฝึกเขียนบันทึก
24
ตุลาคม
2018
กำหนดการของวันที่ 24 ตุลาคม 2018
06.30 - 07.30 น.
ออกกำลังกาย(ไท่ฉี)
ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 09.50 น.
ทำสมาธิเพื่อเตรียมตัวเรียนกิจกรรมช่วงเช้า
กลุ่มสรุปบทเรียนสรุปบทเรียน
09.50 - 10.30 น.
ถอดบทเรียนจากการอ่านหนังสือเรื่อง “ดอกไม้และความหวัง”
โจทย์ จับกลุ่มฐาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือสิ่งที่เข้าใจจากประเด็นที่ตั้งไว้ หลังจากนั้นให้แต่ละกลุ่มเลือก1 ประเด็น แล้วพูดคุยกันในกลุ่มว่าประเด็นที่เราเลือกสื่อถึงอะไรหรือเปรียบได้กับอะไร
ภูเขาหนอน
-การทำตามกันโดยไม่รู้เป้าหมายชีวิต
-การมุ่งทรัพย์ อำนาจ เกียรติโดยไม่ทราบเป้าหมาย
-สถาบันที่หล่อหลอมให้แข่งขัน
-ตัวใครตัวมัน
การเบื่อในชีวิต
-การทำซ้ำๆในสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายข
-การต้องการการพัฒนา ต้องการปัจจัยพื้นฐาน ความรัก
-การยอบรับและต้องการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
ข้างบนไม่มีอะไร
-การไม่เจอความสุขที่แท้จริง
-คือจุดที่เราคิดว่าคือป้าหมายแต่มันไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง
-การได้เกรดไม่ดีแล้วโดนเหยียบย่ำ
-มันคือเป้าหมายที่คนอื่นเป็นคนกำหนด
แก้วลาย
-คือคนที่กำลังค้นหาเป้าหมายในชีวิตแต่ยังไม่เจอ
-การมีความทะเยอทะยาน
เหลืองนวล
-คนที่กำลังค้นหาเป้าหมายชีวิตแล้วพบเจอเป้าหมาย
-คนที่ช่วยชี้ทางให้คนอื่น
-ความเป็นกัลยาณมิตร
-การเลือกวิธีที่แตกต่างจากผู้อื่น
ผีเสื้อและการโบยบิน
-การถึงเป้าหมายสูงสุดและเป็นเป้าหมายที่แท้จรง
-อิสระภาพ
-คือความสุขที่แท้จริง
-การไปสู่เป้าหมายโดยไม่เบียดเบียนใคร
-การค้นพบว่าตนเองเกิดมาเพื่ออะไร
ดักแด้
-คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อไปสู่เป้าหมาย
-การเรียนรู้จากผู้อื่น
-การเสี่ยงและการลอง
-การฝึกฝนตนเอง
-การบ่มเพาะและเตรียมตนเอง
การปีนป่าย
-การแข่งขันกับตนเองและผู้อื่นโดยไม่มีเป้าหมาย
-คือวิธีการไปสู่เป้าหมายวิธีหนึ่ง
10.30 - 11.50 น.
กิจกรรมปิดตาขับรถ : เพื่อให้เห็นศักยภาพและเรียนรู้การเป็นผู้นำในตนเองและผู้อื่น
โจทย์ จับคู่กับเพื่อนที่ไม่สนิท เลือกหมายเลข1ให้สมมติว่าตนเองเป็นรถ และหมายเลข2เป็นคนขับรถ โดยจะต้องขับรถจากในห้องประชุมไปยังบริเวณที่กำหนด หลังจากทำสำเร็จแล้วให้จับกลุ่ม 4-5 คน โดยให้มีคนขับหนึ่งคน ที่เหลือเป็นรถโดยให้ขับไปเก็บสิ่งของที่กำหนด
กติกา หมายเลขที่1ที่เป็นรถจะต้อถูกปิดตา โดยที่หมายเลข2จะต้องเป็นผู้ขับรถ แต่ทั้งสองห้อมส่งเสียงกันแต่จะบังคับรถโดยการแตะ ในขั้นที่ 2 นั้นมีวิธีการขับรถเหมือนเดิมแต่คนขับสามารถจับตัวคนที่อยู่หลังสุดได้คนเดียวเท่านั้น
วิธีการเล่น หากแตะที่ต้นคอให้เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หากแตะที่เอวให้ถอยหลังหนึ่งก้าว แตะที่ไหล่ขวาให้เลี้ยวขวา แตะที่ไหล่ซ้ายให้เลี้ยวซ้าย แตะข้อเท้าให้ก้าวลงและแตะเข่าให้ก้าวขึ้น
11.50 - 12.30 น.
ถอดบทเรียนจากกิจกรรมปิดตาขับรถ
โจทย์ ข้อคิดหรือบทเรียนในการทำงานร่วมกัน
-การเชื่อใจกันทำให้สามารถไปสู่เป้าหมายได้
-การวางแผนทำให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
-หากมีการสื่อสารที่ดีจะทำให้งานสำเร็จและแก้ปัญหาที่เกดขึ้นได้
-การทำงานร่วมกันต้องดูแลความปลอดภัยให้กัน
-การทำงานร่วมกันต้องสร้างความเข้าใจร่วมกัน
-หากทำตามแผนที่วางไว้จะทำให้สื่อสารได้เข้าใจกัน
-หากไว้วางใจผู้นำจะทำให้ปลอดภัย
-ผู้รับสารต้องมีความตั้งใจในการฟังจึงจะส่งสารต่อได้ถูกต้อง
12.30 - 13.30 น.
พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.30 - 14.00 น.
ผ่อนพักตระหนักรู้
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
14.00 - 14.40 น.
ถอดบทเรียนจากกิจกรรมปิดตาขับรถ(ต่อ)
โจทย์ จากกิจกรรมหรือในชีวิตจริงบทบาทของผู้นำเป็นอย่างไร
เรามีวิธีการกระตุ้นเพื่อนอย่างไร
บทบาทของผู้นำ
-สร้างความเท่าเทียมและการเคารพกัน
-ดูแลอารมณ์ ความรู้สึกและความปลอดภัย
-ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับทีม
-สร้างการมีส่วนร่วมและการแบ่งหน้าที่ในทีม
-สร้างความมั่นใจให้คนในทีม
-กระตุ้นให้คนในทีมตื่นตัว
-ช่วยให้กลุ่มวางแผนและให้คิดอย่างรอบคอบ
-สร้างความรับผิดชอบร่วมให้กับทีม
-เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนในทีม
-เป็นที่ปรึกษาและสร้างให้ทีมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน
วิธีการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม
-ให้กำลังใจในยามที่เพื่อนท้อแท้
-เรียกชื่อเพื่อนให้เพื่อนรู้ตัวและตื่นตัว
-สร้างการมีส่วนร่วมทำให้รู้สึกว่ามีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งทีม
14.40 - 16.10 น.
กิจกรรมบทบาทสมมติ : เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผู้นำสามแบบ
โจทย์ เรามีข้อสังเกตอย่างไร
ผลที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มจะเป็นอย่างไร
ผู้นำแบบเผด็จการ
-ข้อสังเกต
มีการใช้คำพูดที่รุนแรง พูดประชดประชัน เคร่งครัดดุดันทำให้บรรยากาศไม่เอื้อต่อการตอบ มีการตัดสินถูกผิดไม่ให้ความสำคัญกับผู้ตอบและมีการใช้อำนาจเหนือ แต่ข้อดีของผู้นำแบบเผด็จการคือใช้ได้ดีในงานที่ต้องใช้ความรวดเร็วหรือในเหตุการณ์เสี่ยงถึงความปลอดภัยที่ไม่มีเวลาตัดสินใจมาก
-ผลที่เกิดขึ้นกับกลุ่มหากมีผู้นำแบบเผด็จการ
ทำให้ผู้อื่นกลัว ขาดความมั่นใจและไม่กล้าตอบคำถาม รู้สึกปิดกั้น บรรยากาศเครียด มีความอคติทำให้ไม่อยากเรียนรู้ ไม่เกิดการมีส่วนร่วม มีท่าทีของการและบังคับทำให้คนทำงานไม่มีความสุข

ผู้นำแบบกึ่งเผด็จการที่มีส่วนร่วม
-ข้อสังเกต
มีการใช้อำนาจเหนือและอำนาจร่วม โดยใช้อำนาจร่วมให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น แต่มีการใช้อำนาจเหนือโดยนำมาตัดสินใจเอง มีท่าทีที่ร่างเริงกระตุ้นให้ทุกคนอยากตอบ จริงจังเป็นบางเวลาและดูคนที่ภายนอก ข้อดีคือมีการรับฟังแต่มีโอกาสผิดพลาด
-ผลที่เกิดขึ้นกับกลุ่มหากมีผู้นำแบบกึ่งเผด็จการที่มีส่วนร่วม
ทุกคนกล้าแสดงความคิดเห็นในครั้งแรกแต่ไม่อยากแสดงความคิดเห็นในครั้งต่อไป สูญเสียความมั่นใจและผิดหวัง ผู้นำเสียความน่าเชื่อถือ งานที่ออกมาเละและไม่สนุก

ผู้นำแบบมีส่วนร่วม
-ข้อสังเกต
มีการรับฟังและใช้อำนาจร่วม ใช้คำพูดที่ดีและมีการตัดสินใจร่วมกัน สร้างการมีส่วนร่วมโดยการให้ทุกคนแสดงเหตุผลหรือความคิดเห็น ท่าทีเป็นมิตรและมีการรับฟัง ผลดีคือทุกคนมีส่วนร่วมแต่ข้อเสียคือจะใช้เวลามากอาจทำให้ล่าช้า
-ผลที่เกิดขึ้นกับกลุ่มหากมีผู้นำแบบมีส่วนร่วม
บรรยากาศในการเรียนรู้ไม่เงียบ ทุกคนกล้าแสดงความคิดเห็นและอยากเรียนรู้เพราะไม่เคร่งจนเกินไป รู้สึกมีคุณค่าเป็นการสร้างความมั่นใจ ทุกคนกล้าพูด มีความภาคภูมิใจ ผู้นำมีท่าทีทีเป็นมิตร งานที่ออกมาดีทุกๆคนมีความสุขและภูมิในงานของตนเอง ทุกคนจะทุ่มเทและเต็มใจทำ คนที่ทำงานเกิดการเติบโต มีความคิดสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ
ประเมินการสร้างการมีส่วนร่วมของตนเอง ทั้งวิธีคิด การปฏิบัติและวิธีการ จากมากที่สุดจนถึงน้อยที่สุด พร้อมให้เหตุผลว่าทำไมเราคิดว่าตนเองอยู่ในระดับนี้
16.10 - 17.00 น.
เรียนรู้กระบวนการและเครื่องมือในการจัดค่าย
โจทย์ แบ่งกลุ่มตามพื้นที่วิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนของตนเอง โดยใช้เครื่องมือคือต้นไม้ปัญหาเข้าช่วย โดยวิเคราะห์ในประเด็นปัญหา “เยาวชนขาดการมีส่วนร่วมในชุมชน”
ต้นไม้ปัญหา
เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลึกถึงสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหา และให้เห็นถึงผลกระทบที่ตามมา โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ลำต้น รากและผล
-ส่วนลำต้น หมายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นหรือสิ่งที่เป็นอยู่
-ส่วนของราก หมายถึงเหตุ สาเหตุ ต้นเหตุหรือรากของปัญหา
-ส่วนของผล หมายถึงผล ผลที่จะได้รับหรือผลที่ตามมา
หลังจากวิเคราะห์แล้วให้ทุกๆกลุ่มนำเสนอตามพื้นที่ของตนเอง
17.00 - 18.00 น.
เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อไปเวียนเทียน
18.00 - 19.00 น.
รับประทานอาหารเย็น
19.00 - 19.45 น.
เดินทางไปเวียนเทียนและปล่อยโคมไฟ
19.45 - 21.00 น.
เขียนนำเสนอปัญหาในรูปแบบการบรรยาย
ฝึกเขียนโครงการ
โดยมีองค์ประกอบดังนี้
-ที่มา ประกอบด้วยปัญหา สาเหตุและผลกระทบ
-เป้าหมาย คือเป้าหมายสูงสุดของโครงการโดยที่ตัวเป้าหมายจะล้อกับปัญหา
-วัตถุประสงค์ ให้เปลี่ยนจากผลกระทบที่เป็นด้านลบให้เป็นวัตถุประสงค์ที่เป็นด้านบวกที่สอดคล้องกัน
-กิจกรรม ต้องวิเคราะจากสาเหตุของปัญหา ทรัพยากรและเนื้อหาที่ตัวกระบวนกรมี
• คิดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และกิจกรรม
เพื่อแก้ปัญหาเยาวชนขาดการมีส่วนร่วมในชุมชน
21.00 - 22.00 น.
เขียนบันทึก
คิดการแสดงในงานของคืนวันพรุ่งนี้
โจทย์ แบ่งกลุ่ม 9-10 คน คิดการแสดงที่สะท้อนถึงการเรียนรู้ที่ได้ในตลอดระยะเวลาการเรียนรู้ในค่าย
25
มกราคม
2019
กำหนดการของวันที่ 25 มกราคม 2019
06.30 - 07.30 น.
ออกกำลังกาย(ไท่ฉี)
ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 09.00 น.
ทำสมาธิเพื่อเตรียมตัวเรียนกิจกรรมช่วงเช้า
กลุ่มสรุปบทเรียนสรุปบทเรียน
09.00 - 12.00 น.
เขียนโครงการ(ต่อ)
-วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าร่วมกิจกรรม : ใคร ที่ไหน กลุ่มอายุเท่าไหร่ เหตุผลที่เลือกและการเข้าถึง
-คุณลักษณะของเยาวชนที่จะผ่านกิจกรรม : พฤติกรรม ทักษะ ความรู้และทัศนคติ
-วัน เวลา และสถานที่
-ออกแบบเนื้อหาและกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
-เรียงลำดับกิจกรรมและวางตารางกิจกรรม
ตัวอย่างกิจกรรมรู้จักชุมชน
-การพูดคุยกับปราชญ์ชาวบ้านเกี่ยวกับชุมชน
-วิเคราะห์ชุมชน ฐานทรัพยากรและของดีของชุมชน
-ทำปฏิทินฤดูกาลและปฏิทินประเพณี

ตัวอย่างกิจกรรมการทำงานเป็นทีม
-วางเหรียญบนแก้ว -ใบ้คำ
-กะเตงไข่ -ตีบอล
-ภาพปริศนา -ปิดตาขับรถ
-ตักน้ำใส่ตุ่ม

ตัวอย่างกิจกรรมรู้จักตนเอง
-ข้ามเส้น -วาดภาพสะท้อนตนเอง
-สัตว์สี่ทิศ -สามร้อยหกสิบองศา
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 13.30 น.
ผ่อนพักตระหนักรู้
กลุ่มนำสันทนาการนำสันทนาการ
13.30 - 16.00 น.
ถอดบทเรียนจากสิ่งที่ทำเป็นประจำ
โจทย์ ประโยชน์ที่ได้หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
แนวทางในการปฏิบัติต่อ
หน้าที่รับผิดชอบ
-ประโยชน์ที่ได้หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
มีวินัย จัดการเวลาได้ดีขึ้น ได้ฝึกทักษะจากงานที่ทำ เช่น ฝึกทักษะการจับประเด็นจากหน้าที่สรุปบทเรียน กล้าแสดงออก กล้าพูด สร้างภาวะผู้นำ ทำให้เกิดการทำงานเป็นทีม เป็นตัวสร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างจิตสำนึก เกิดความกระตือรือร้น ฝึกการทำงานอย่างเป็นระบบ ความเสียสละ ความอดทนและเสริมสร้างสุขภาพที่ดี
-แนวทางในการปฏิบัติต่อ
กลับไปทำงานบ้าน แบ่งหน้าที่กัน จัดหาอาหาร จัดเวลาช่วยงานบ้าน พับผ้าห่ม ดูแลใจคนรอบข้าง และสรุปประเด็นกิจกรรมในโรงเรียน

การทำสมาธิและการออกกำลังกาย
-ประโยชน์ที่ได้หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ทำให้มีสติ รู้สึกสดชื่น ปลอดโปร่ง คลายเครียด สร้างความอดทน ทำให้นิ่งสงบและแข็งแรง รู้จักร่างกายใส่ใจสุขภาพตนเอง ฝึกการหายใจ จับประเด็นได้ดีขึ้น หลับง่าย ขับถ่ายดีและทำให้จัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น
-แนวทางในการปฏิบัติต่อ
นั่งสมาธิวันละ 5 นาทีทุกเช้าเย็น ทำสมาธิก่อนเรียนและก่อนเรียน 5 นาที ออกกำลังกายหลังเลิกเรียน ชวนเพื่อนออกกำลังกาย และทำสมาธิ

การกินและการนอน
-ประโยชน์ที่ได้หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ระบบขับถ่ายดี สุขภาพแข็งแรง ลดการเกิดโคกระเพาะ ร่างกายเกิดการปรับตัวทำให้ไม่เป็นสิว ไม่ง่วงนอน พักผ่อนเพียงพอทำให้อารมณ์ดี ฝึกการตรงต่อเวลา ทำให้มีวินัยและความรับผิดชอบ มีพฤติกรรมที่ดี ลดโรคและฮอร์โมนทำงานได้ปกติ
-แนวทางในการปฏิบัติต่อ
ทานอาหารให้ครบ 3 มื้อและตรงเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งหรือกำหนดเวลาในการนอนทำให้เป็นกิจวัตร
16.00 - 18.00 น.
จัดเตรียมงาน “ราตรีสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ผีเสื้อโบยบิน ดอกไม้บาน ณ งานค่าย”
จัดเตรียมพิธีกรในงาน รูปแบบของงาน สถานที่และการแสดง
18.00 - 22.00 น.
เริ่มงาน “ราตรีสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ผีเสื้อโบยบิน ดอกไม้บาน ณ งานค่าย”
-เปิดงานโดย ลุงต้อย เจ้าของสวนซุมแซง
-บอกจุดประสงค์ในการจัดงาน
-แนะนำแขกและกล่าวขอบคุณผู้ที่คอยสนับสนุนการจัดค่ายครั้งนี้
-ชมการแสดงของทั้ง 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่1 อำนาจคืออะไร
กลุ่มที่2 ฮักนะสารคาม
กลุ่มที่3 ภูเขาแห่งความสุข
กลุ่มที่4 บทเพลงแห่งศรัทธา
22.00 - 22.30 น.
พิธีเทียน
โจทย์ ความประทับใจที่เกิดขึ้น
สิ่งดีๆที่จะกลับไปทำ
26
มกราคม
2019
กำหนดการของวันที่ 26 มกราคม 2019
06.30 - 07.30 น.
ออกกำลังกาย(กังฟู)
ทำความสะอาดบริเวณรับผิดชอบ
07.30 - 08.30 น.
รับประทานอาหารเช้า
08.30 - 09.00 น.
ทำสมาธิเพื่อเตรียมตัวเรียนกิจกรรมช่วงเช้า
กลุ่มสรุปบทเรียนสรุปบทเรียน
09.00 - 10.45 น.
ถอดบทเรียน หัวใจการเป็นยุวกระบวนกร
แบ่งกลุ่ม 5-6 คน ถอดบทเรียนหัวใจการเป็นยุวกระบวนกร โดยแบ่งหมวดหมู่ดังนี้ ทักษะ ความรู้/องค์ความรู้ มุมมอง/ทัศนคติ/ความเชื่อ และบทบาทสำคัญของการเป็นกระบวนกร

หัวใจของยุวกระบวนกร

มุมมอง/ทัศนคติ/ความเชื่อ
-การตัดสินใจคือการศึกษา
-ความสัมพันธ์คือการศึกษา
-การมีส่วนร่วมทำให้เติบโต
-เชื่อในศักยภาพของทุกคน
-เชื่อในความแจกต่างหลากหลาย
-เชื่อในเรื่องการลงมือทำ
-เชื่อในสติและสมาธิ

ทักษะ
-การจับประเด็น -การสังเกตุ
-การฟัง -การแก้ไขปัญหา
-การสรุป -การทำสมาธิ-สติ
-การตั้งคำถาม -การปลูก/ทักษะการเกษตร
-การพูด -การดูแลตนเองและการดูแลกลุ่ม
-การคิดวิเคราะห์

ความรู้/องค์ความรู้
-การจัดการกลุ่ม -การสื่อสาร
-การถอดบทเรียน -การทำสมาธิ
-การจัดการเรียนรู้ -การทำเกษตร
-การออกแบบกิจกรรม -การดูแลตนเอง

บทบาทสำคัญของการเป็นกระบวนกร
-สร้างการเรียนรู้ -จัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
-สร้างการมีส่วนร่วม -ดูแลตนเองและดูแลกลุ่ม
-สร้างการตัดสินใจร่วม -ช่วยกลุ่มให้มีสมาธิ
-จัดกระบวนการเรียนรู้ให้สื่อสารได้ทั่วถึงและชัดเจน
-สร้างเงื่อนไขเพื่อขยายพื้นที่หรือศักยภาพการเรียนรู้

โจทย์ ประเมินตนเองจากหัวข้อข้างต้น พร้อมบอกสิ่งที่ตนเองทำได้ดี และสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อ
10.45 - 12.00 น.
เขียนเรื่องราว “สิบวันกับการบ่มเพาะตนเอง สู่การเป็นผีเสื้อที่โบยบิน”
12.00 - 13.00 น.
รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 - 15.00 น.
กิจกรรมปวรณา
โดยให้ทุกๆคนได้ขอบคุณ กล่าวชื่นชม ให้กำลังใจ และขอโทษกัน
ถ่ายภาพร่วมกัน
15.00 - 00.00 น.
ภาพหมู่
"ขออภัย"
ยังไม่มีเนื้อหาข้อมูลในส่วนนี้
ภาพกิจกรรม
วิดีโอแนบ
ไฟล์แนบ