เป็น ที่มาของโครงการ "อนุรักษ์ของจิ๋วสร้างอาชีพด้วยวิถีมอญ" ริเริ่มโดยกลุ่มเยาวชนจากรั้วแม่โดม ในการส่งเสริมของศูนย์อาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยนำโครงการขอรับการสนับสนุนจากโครงการ "กล้าใหม่...ใฝ่รู้" ประจำปี 2551 ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
เป็นที่มาของโครงการ “อนุรักษ์ของจิ๋วสร้างอาชีพด้วยวิถีมอญ” ริเริ่มโดยกลุ่มเยาวชนจากรั้วแม่โดม ในการส่งเสริมของศูนย์อาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยนำโครงการขอรับการสนับสนุนจากโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ประจำปี 2551 ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
นายพูลสวัสดิ์ จันทร์ไทย หรือ "บอย" ประธานโครงการ ที่วันนี้เป็นบัณฑิตสาขาประชาสัมพันธ์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าถึงแรงบันดาลใจในโครงการอนุรักษ์ของจิ๋วสร้างอาชีพด้วยวิถีมอญว่า เพื่อนำมรดกตกทอด คือ “ของจิ๋วชาวมอญสามโคก” สร้างรายได้ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยเชื้อสายมอญใน อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกับมหาวิทยาลัยให้ดีขึ้น
“ที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่จะทำงานในโรงงานย่านปทุมธานีเป็นอาชีพหลัก และไม่มีอาชีพเสริมอย่างอื่น เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นประจำทุกปีก็เดือดร้อนกันทุกปี” บอยเท้าความและว่า “ของจิ๋ว” ซึ่งปั้นจากดินเพื่อใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่งบนโต๊ะ และชั้นวางของ เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ทีมโครงการเข้าสำรวจชุมชนและพบศักยภาพว่าน่าจะใช้เป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ทดแทนที่ขาดหายไปในช่วงน้ำท่วม ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานหรือการรวมกลุ่มส่งเสริมการผลิตสินค้าชนิดนี้เป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก “ป้าอุบล นิกะดานนท์” ชาวบ้านในพื้นที่ ต้นตำรับผู้ชำนาญการปั้นของจิ๋วยินดีเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ชาวชุมชนคนอื่นๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบอาชีพ เพราะการฝึกปั้นของจิ๋วไม่ยากมากนัก อีกทั้งของจิ๋วมีราคาดี และยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกค้าในกลุ่มโรงแรม บ้านพัก และรีสอร์ท
เมื่อสำรวจต้นทุนในชุมชนดีแล้วจึงไม่รอช้า บอยและเพื่อนร่วมทีมจึงขันอาสาจัดการฝึกอบรมทำของจิ๋วให้แก่ชาวบ้านภายในชุมชนบ้านงิ้ว โดยตลอดการอบรมจำนวน 4 ครั้งในช่วง 2 เดือนของการลงชุมชนเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้นำชุมชนและชาวบ้านให้การตอบรับเป็นอย่างดี มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ชาวบ้านที่ทำงานในโรงงาน และที่รับราชการ เข้ารับการอบรม
“จากประสบการณ์ของป้าอุบล การทำของจิ๋วจะมีต้นทุนเพียงประมาณ 500 บาท แต่จะสร้างรายได้กลับคืนมาได้ถึง 4 -5 พันบาท คือกำไรถึงประมาณ 10 เท่า” อีกทั้งบอยและเพื่อนยังได้ช่วยชาวบ้านจัดหาตลาด การติดต่อกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและบ้านพักเป้าหมาย และพยายามผลักดันให้ของจิ๋วสามโคกเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ระดับห้าดาว
"ผมแอบหวังลึกๆ ว่าระยะยาวแล้วอาชีพการปั้นของจิ๋วจะทำให้ชาวบ้านสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ อาจพัฒนาสู่การเป็นอาชีพหลัก เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมอย่างหนึ่งของท้องถิ่น และหากเป็นไปได้มากกว่านั้นก็อยากเห็นการเติบโตของชุมชนวิถีมอญให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไปด้วย ซึ่งจะเกิดเป็นความเข้มแข็งของชุมชนมากขึ้น" ประธานโครงการว่า ขณะที่ด้านหนึ่งเป็นการหาอาชีพสร้างรายได้เพิ่ม อีกด้านหนึ่งก็เป็นการอุดช่องว่างลดรายจ่ายเพื่อความยั่งยืนของชุมชนชาวมอญสามโคกบนวิถีทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนร่วมทีมอย่าง นางสาวปรียารัตน์ บุญมี หรือ นุช บอกว่า ทีมกล้าใหม่ยังได้จัดการฝึกอบรมผลิตข้าวของเครื่องใช้ง่ายๆ ให้แก่ชาวชุมชน เช่น น้ำยาสระผม น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้น ครีมนวดผม ลิปมันทาปาก และครีมทากันส้นเท้าแตก
“กิจกรรมนี้ เราจัดสลับกับการอบรมสาธิตการทำของจิ๋วค่ะ จัดเดือนละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2 เดือน รวม 4 ครั้ง ทำให้ชาวบ้านได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า เบื้องต้นก็ผลิตข้าวของไว้ใช้กันเองในครอบครัว เป็นการประหยัดสตางค์ แต่หากเหลือใช้ก็สามารถนำออกขายภายในชุมชน เด็กและชาวบ้านก็จะมีความรู้ติดตัว ต่อไปก็อาจพัฒนาเป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้” นุชกล่าว
นอกเหนือจากชุมชนชาวมอญมีความเข้มแข็งขึ้นจากสิ่งที่ได้รับการหยิบยื่นให้ ฝ่ายคนทำโครงการเองก็เติบโตขึ้น บอยบอกว่า “แต่ก่อน ผมเป็นนักกิจกรรมที่มองว่าการทำกิจกรรมจะเป็นใบเบิกทางให้เรามีพอร์ตฟอร์ลิโอดีๆ เวลาไปสมัครงาน เราก็จะมีต้นทุนสูงกว่าคนอื่นๆ ได้งานดีๆ ผลตอบแทนมากๆ”
“แต่พอได้ลงมาสัมผัสกับคนในชุมชนจริงๆ แล้ว เราถึงรู้ถึงความยากลำบากของคนที่เขาลำบากกว่าเรา หากเรายังจะไปหาประโยชน์บนความยากลำบากของเขาอีก เราก็เป็นคนที่แย่มากๆ” บอยว่า
“ทุกวันนี้ การทำกิจกรรมของผมจึงเปลี่ยนไป คือ ไม่ได้ต้องการทำกิจกรรมเพื่อตัวเองอีกแล้ว แต่เป็นการทำงานเพื่อช่วยเหลือคนอื่น กลายเป็นจิตอาสาที่เป็นไปเพื่อคนอื่นจริงๆ เพราะเชื่อว่าเมื่อชุมชนเข้มแข็งดีแล้ว ผลสะท้อนจะกลับมาสู่ตัวเราเองไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง” บอย – ประธานโครงการกล่าว
ขณะที่นุช เสริมว่า การเข้าทำโครงการนี้ทำให้เธอได้พบประสบการณ์การทำงานใหม่ที่ต่างออกไปจากเดิม จำเป็นต้องปรับตัวและมีความรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย เพราะการทำงานกับชุมชน จำเป็นต้องทำงานร่วมกับผู้คนหลายช่วงวัยและหลายสถานะ ขณะเดียวกันก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนทำให้ชุมชนแห่งนี้เกิดความร่วมแรงร่วมใจ มีความสามัคคีในการที่จะพัฒนาชุมชนของตนเองให้ดีขึ้น
“หากอนาคตข้างหน้ามีเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่เป็นภัยต่อชุมชนพวกเขาเกิดขึ้น พวกเขาก็จะร่วมมือกันปกป้องชุมชนของตัวเอง” นุช สมาชิกสาวของทีมปิดท้ายด้วยความเชื่อมั่น
โครงการกล้าใหม่...ใฝ่รู้
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
หัวหน้าโครงการ/ผู้ประสานงาน: พูลสวัสดิ์ จันทร์ไทย “บอย”
E-mail : poonsay@hotmail.com
ปรียารัตน์ บุญมี “นุช”
E-mail : preeya007@hotmail.com