1. หลักการและเหตุผล
การเรียนการสอนในยุคปฏิรูปการเรียนรู้
ครูผู้สอนต้องปฏิบัติตามแนวของกฎหมายที่เกี่ยวกับการศึกษา 2 ฉบับ
คือพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )
พ.ศ. 2554
ที่ระบุว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักที่ว่าผู้เรียนทุกคนมีคนมีความสามารถ
เรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้ ถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้ตาม
ธรรมชาติและเต็มศักยภาพ (มาตรา 22)
ส่วนเนื้อหาสาระของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นั้นต้องเน้นกระบวนการ
ที่ให้เกิดการพัฒนาความรู้ พัฒนาด้านคุณธรรม
และจะต้องมีการบูรณาการความรู้ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ตามความเหมาะสม
ของแต่ละช่วงชั้น (มาตรา 23)
เนื้อหาสาระและกิจกรรมของรายวิชาที่จัดในกระบวนการเรียนรู้จะต้องสอดคล้อง
กับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
อีกทั้งสถานศึกษาต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ
สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน
และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้
อีกทั้งจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นทุกเวลาทุกสถานที่ (มาตรา 24)
ส่วนกฎหมายอีกฉบับหนึ่งคือหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2554
ที่ได้มีการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้รายภาค
และสาระการเรียนรู้ของแต่ละช่วงชั้นไว้
สถานศึกษาต้องกำหนดโครงสร้างที่เป็นสาระการเรียนรู้ จำนวนเวลาไว้โดยกว้างๆ
มาตรฐานการเรียนรู้ที่แสดงคุณภาพของผู้เรียนเมื่อครบ 12 ปี
และเมื่อจบหลักสูตรการเรียนรู้แต่ละช่วงชั้นของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
สถานศึกษาต้องนำโครงสร้างดังกล่าวไปจัดทำหลักสูตรสถานการศึกษา
โดยคำนึงถึงสภาพปัญหา ความพร้อม เอกลักษณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สถานศึกษาต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นฝึกทักษะกระบวนการคิด
การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้ป้องกันและแก้ปัญหา
จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้
คิดเป็นทำเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
ผสมผสานความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน
ปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมที่ดีงาม
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
อำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมีความรอบรู้
รวมทั้งความสามารถในการใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบานการเรียนรู้
โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน
จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
จะต้องนำเอาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
กระบวนการคิดและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สอดแทรกเข้าไปในการเรียนการสอนใน
ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และก้าวสู่สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียง
ใต้
ประชาคมอาเซียน/ประชาคมโลกเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือทาง
เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และการบริหาร
ส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียน
กับต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ
กิจกรรมค่ายวิชาการ
เป็นกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระเพื่อ
ต้องการเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
และเพิ่มแนวทางในการศึกษาเรียนรู้ของนักเรียน
ที่ครูและนักเรียนร่วมกันกำหนดเรื่องราวที่จะจัดกิจกรรมค่ายให้สอดคล้องกับ
มาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละกลุ่มสาระ โดยยึดถือความแตกต่างระหว่างบุคคล
และถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด
ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็ม
ศักยภาพ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ต้องสอดคล้องกับความสนใจ
ความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
การพัฒนาประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก
ต้องพัฒนาคนของประเทศเป็นสำคัญ โดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือของการพัฒนา
และมุ่งให้เยาวชนของชาติมีภูมิคุ้มกันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวโดยนำ
แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริมาใช้ในการสร้างภูมิคุ้มกัน
2. วัตถุประสงค์
2.1 ผลผลิต (OUTPUT)
จัดกิจกรรมนอกตารางเรียนให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะ สามารถคิดวิเคราะห์
และสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรอง
และมีวิสัยทัศน์จากกิจกรรมการเรียนรู้ ตามหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.2 ผลลัพธ์ (OUTCOME)
จัดกิจกรรมนอกตารางเรียนให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะ สามารถคิดวิเคราะห์
และสังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดไตร่ตรอง
และมีวิสัยทัศน์จากกิจกรรมการเรียนรู้ ตามหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ที่จำเป็นตามหลักสูตร นักเรียนทุกคนเข้ากิจกรรมอย่างน้อย 1 กิจกรรม
3. เป้าหมาย
3.1 ด้านปริมาณ
นักเรียน โรงเรียนห้วยยอด จำนวน 2,777 คน เข้าร่วมโครงการ
3.2 ด้านคุณภาพ
3.2.1 ให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
3.2.2 ให้นักเรียนเกิดทักษะในการแสวงหาความรู้
3.2.3 นักเรียนมีความสุขในการเข้าค่ายตามความต้องการของตนเอง
3.2.4 นักเรียนเกิดทักษะในการทำงานและอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ
3.2.5 นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากสภาพจริง
วิเคราะห์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
หลักความพอประมาณ
- พอประมาณกับเวลาที่ใช้ดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เตรียมการ จัดทำ และสรุปประเมินผล
- พอประมาณกับความสามารถของครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ที่จะช่วยกันดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พอประมาณกับวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการซ่อมและเรียนเสริม
- พอประมาณกับสภาพความแตกต่างระหว่างบุคคล
หลักการมีเหตุผล
- เป็นการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- พัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบรูณ์
- ยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
- การสร้างนักเรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
- เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถศึกษาต่อระดับสูงได้มากขึ้น
หลักภูมิคุ้มกัน
- ต้องมีการตั้งกรรมการดำเนินงานและเตรียมจัดกิจกรรมเป็นอย่างดี
- ต้องมีการตั้งกรรมการดำเนินงานรับผิดชอบด้านต่างๆให้ชัดเจน
- ต้องมีการประชุมปรึกษาหารืออย่างเสมอ
- ต้องมีการประสานงานกับกลุ่มเป้าหมาย ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้เกี่ยวข้อง
- มีการประเมินการทำงานเป็นระยะแล้วนำผลมาใช้ปรับปรุงการทำงานต่อไป
- มีการประเมินการทำงาน สรุปงาน แล้วนำผลมาใช้ปรับปรุง วางแผนการทำงานครั้งต่อไป
เงื่อนไขคุณธรรม
- มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของครูและนักเรียน
- ประหยัดการใช้งบประมาณ วัสดุอย่างคุ้มค่า
- ความขยันอดทน ประหยัด
- สร้างความสำนึกให้นักเรียนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
เงื่อนไขความรู้
- องค์ความรู้ที่ได้รับด้านการจัดการเรียนการสอนของครู
- ความรู้ฝึกทักษะให้นักเรียนรู้จักคิด วิเคราะห์ และความรู้ด้านการประสานงาน
- ความรู้ด้านการสรุปงานประเมินงาน
- โรงเรียนจัดฐานการเรียนรู้ ตามหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- ครูทุกกลุ่มสาระสามารถจัดแผนการจัดการเรียนรู้ตามที่ได้รับมอบหมาย เป็นไปตามหลักสูตรสถานศึกษา จัดการเรียนรู้บูรณาการตามหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- นักเรียนได้ศึกษาเรียนรู้ฐานการเรียนรู้ ตามหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
- โรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้และศึกษาดูงาน ตามหลักคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการจัดการศึกษา จากฐานการเรียนรู้ ทั้งในและนอกเขตพื้นที่การศึกษา