โครงการกล้าใหม่ใฝ่รู้ ได้ดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 7 โครงการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นโครงการที่ผลิตเยาชนที่มีความสามารถหลากหลาย รูปแบบ แต่เมื่อโครงการจบลง ก็ขาดการติดต่อกับเยาวชนที่เป็นผลผลิตจากโครงการ ด้วยเหตุนี้จึงควรจะมีการสำรวจข้อมูลของเยาวชนที่เคยเข้าร่วมโครงการกล้า ใหม่...ใฝ่รู้ อีกครั้งเพื่อเป็นการจัดระบียบฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด และเพื่อเป็นการทำความเข้าใจและรู้จักเยาวชนจากโครงการมากขึ้น เพื่อที่จะได้นำเอาความรู้ความสามารถของเยาวชนที่มีอยู่มาใช้และสร้างสรรค์ ให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมมากที่สุด
การสำรวจข้อมูลเยาวชน "กล้าใหม่...ใฝ่รู้" ปี 1- 6
โครงการต่อยอดเครือข่ายเยาวชนกล้าใหม่ใฝ่รู้
ที่มาและความสำคัญ
“โครงการ กล้าใหม่ใฝ่รู้” ได้ดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 7 โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการผลิตเยาชนที่มีความสามารถหลากหลายรูปแบบ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เนื่องจากเมื่อโครงการจบลง ก็ขาดการติดต่ออย่างต่อเนื่องกับเยาวชนที่เป็นผลผลิตจากโครงการ อีกทั้งระบบการจัดการฐานข้อมูลของโครงการนั้นยังขาดความเที่ยงตรงและความ ทันสมัยของข้อมูล ด้วยเหตุนี้ผู้ดำเนินโครงการจึงเล็งเห็นว่า ควรจะมีการสำรวจข้อมูลของเยาวชนที่เคยเข้าร่วมโครงการกล้าใหม่...ใฝ่รู้ อีกครั้งเพื่อเป็นการจัดระเบียบฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด และเพื่อเป็นการทำความเข้าใจและรู้จักเยาวชนจากโครงการมากขึ้น ถึงความต้องการมีส่วนร่วมต่อการทำกิจกรรมจิตอาสา เพื่อที่จะได้นำเอาความรู้ความสามารถของเยาวชนที่มีอยู่มาใช้และสร้างสรรค์ ให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมมากที่สุด
เป้าหมาย
เพื่อ เชื่อมโยงเยาวชนที่เคยผ่านการเข้าร่วม “โครงการกล้าใหม่...ใฝ่รู้” ให้กลับมารวมตัวกันในลักษณะของชมรม เครือข่าย เพื่อผลักดันให้เกิดกิจกรรมหรือการร่วมปฏิบัติงานจิตอาสากับทางธนาคารไทย พาณิชย์ มูลนิธิสยามกัมมาจล หน่วยงานและองค์กรอื่นๆ ต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อทำความรู้จักกลุ่มเยาวชน “กล้าใหม่....ใฝ่รู้” ที่เคยเข้าร่วมโครงการ
2. เพื่อจัดระเบียบฐานข้อมูลเยาวชน “กล้าใหม่ ... ใฝ่รู้” ให้เป็นปัจจุบัน
กลุ่มเป้าหมาย
- กลุ่ม เยาวชนที่เคยเข้าร่วมโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ปีที่ 1-6 ระดับอุดมศึกษา (กล้าใหม่สร้างสรรค์ชุมชน) ที่เข้ารอบ 20 ทีมสุดท้าย ปี พ.ศ.2551– 2554 จำนวน 642 คน
รายงานผลการสำรวจข้อมูลเยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ปี 1 - 6
โครงการต่อยอดเครือข่ายเยาวชนกล้าใหม่ใฝ่รู้
สรุปผลการสำรวจ
1.ลักษณะทางประชากร
จาก
การสำรวจข้อมูลเยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ระดับอุดมศึกษา
(กลุ่มกล้าใหม่..สร้างสรรค์ชุมชน) จำนวน 642 คน
ผู้สำรวจสามารถเก็บข้อมูลของกลุ่มดังกล่าวด้วยวิธีการโทรศัพท์สัมภาษณ์และ
จากการเข้ามาตอบแบบสำรวจผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ จำนวนทั้งสิ้น 265 คน
เป็นเพศหญิง จำนวน 111 คน และเพศชาย 154 คน
เยาวชนส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีบางส่วนที่กำลังศึกษาอยู่ใน
ระดับปริญญาโท ตามสาขาเดิมที่ตนเองได้ศึกษามา คณะที่เยาวชน
“กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ศึกษามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ คณะบริหารธุรกิจ
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ และ
คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ตามลำดับ
ภูมิ
ลำเนาของเยาวชนส่วนใหญ่นั้นอยู่ในต่างๆ จังหวัดเป็นส่วนใหญ่
จากการสำรวจพบว่าส่วนมากยังคงอาศัยอยู่ในภูมิลำเนาเดิม หรือ
ย้ายไปทำงานในจังหวัดใกล้เคียงกับภูมิลำเนาของตนเอง
มีส่วนน้อยมากที่อาศัยหรือย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร
ใน
เรื่องของการประกอบอาชีพสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ
กลุ่มกล้าใหม่ที่ประกอบอาชีพแล้ว และ กลุ่มที่ยังคงศึกษาอยู่
ในส่วนของกลุ่มที่ประกอบอาชีพแล้ว พบว่า
ส่วนใหญ่เยาวชนจะประกอบอาชีพตามสาขาที่ตนเองได้ศึกษาเล่าเรียนมา
โดยประกอบอาชีพในบริษัทเอกชนเป็นหลัก รองลงมาประกอบอาชีพรับราชการ
เป็นลูกจ้างและประกอบอาชีพส่วนตัว ตามลำดับ
มีส่วนน้อยมากที่ประกอบอาชีพอิสระและไม่ได้ประกอบอาชีพแต่อย่างใด
การ
ใช้เวลาว่างของเยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ส่วนใหญ่หมดไปกับการพักผ่อน เช่น
การอ่านหนังสือ ดูทีวี เล่นดนตรี ร้องเพลง เป็นต้น
รองลงมาคือการออกกำลังกายและการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เนท ตามลำดับ
แต่พบเยาวชนที่ใช้เวลาว่างในการทำงานจิตอาสา หรือ
เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาเป็นจำนวนน้อยมาก
ใน
ด้านความสามารถและความเชี่ยวชาญของเยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
จากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่มีความสามารถและความถนัดทางด้านวิชาการ
ด้านกีฬาและด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก
ซึ่งสอดคล้องกับสาขาวิชาที่เยาวชนกลุ่มดังกล่าวจบการศึกษามา
อีกส่วนที่พบจากการสำรวจ คือ เยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
มีความสามารถทางด้านงานศิลปะ การออกแบบ ดนตรี ร้องเพลง
รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อแระชาสัมพันธ์ หรือการประสานงาน
เนื่องจากมีประสบการณ์มาจากการทำโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
2.การรับรู้และมีส่วนร่วมต่อโครงการ
เมื่อ
สอบทานถึงเรื่องการรับรู้และการมีส่วนร่วมต่อโครงการที่ผ่านมานั้นพบว่า
เยาวชนส่วนใหญ่อยากเข้าร่วมโครงการเพราะต้องการหาประสบการณ์และต้องการใช้
เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และชอบทำกิจกรรมประเภทดังกล่าวอยู่แล้ว เพราะ
เยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
บางคนเป็นนักกิจกรรมของคณะหรือมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงรู้สึกว่าอยากจะเข้าร่วมทำกิจกรรมของโครงการและเป็นโอกาสที่ดีที่
ได้ร่วมทำกิจกรรมกับทางธนาคาร
นาอกจากนั้นเข้าร่วมเพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเรียน
เนื่องจากปัจจุบันหลายมหาวิทยาลัยมีการเน้นและส่งเสริมให้เยาวชนต้องออกไปทำ
กิจกรรมเพื่อชุมชน
เพื่อเป็นคะแนนเก็บหรือเพื่อเป็นการประเมินการผ่านเกณฑ์การศึกษา
จึงมีความจำเป็นในการเข้าร่วม และในการเข้าร่วมกิจกรรมจากเหตุผลดังกล่าว
ก็มีแรงจูงใจจากอาจารย์ประจำสาขาวิชา
ที่เป็นผู้ชักชวนให้เยาวชนเข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากเหตุผลดังกล่าวก็ยังมีเหตุผลอื่นๆ เช่น
การได้เห็นต้นแบบจากรุ่นพี่ที่เคยเข้าร่วมโครงการ
การต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองรวมถึงมหาวิทยาลัย
และมีแรงจูงใจจากเรื่องของเงินรางวัล
3.ความต่อเนื่องของการทำงานจิตอาสา
หลัง
จากจบโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
เยาวชนกลุ่มดังกล่าวบางส่วนยังคงมีความต่อเนื่องในการทำกิจกรรมจิตอาสา
แต่บางส่วนก็ไม่ได้ทำกิจกรรมจิตอาสาต่อ
เนื่องจากเมื่ออยู่ในชั้นปีที่สูงขึ้น
บางคนก็เรียนหนักขึ้นจึงทุ่มเทให้กับการเรียนเป็นอันดับแรก
และไม่มีเวลาในการลงมาทำกิจกรรมเหมือนตอนทำโครงการ
จึงขาดการสานต่อในการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อชุมชน หรือ
บางส่วนไม่ได้ทำต่อเพราะว่าไม่รู้จะเริ่มทำอย่างไร
เนื่องจากยังเข้าใจว่าการทำงานจิตอาสา คือ
การต้องลงไปทำงานเป็นโครงการและจำเป็นต้องมีเงินทุนสนับสนุนในการทำโครงการ
เมื่อไม่มีแหล่งที่สนับสนุนประกอบกับเวลาที่ไม่เอื้ออำนวย
ก็ขาดการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
แต่จากสัดส่วนของผู้ที่ยังคงทำกิจกรรมจิตอาสาอย่างต่อเนื่องจะพบว่าเป็นเพศ
ชายในปริมาณที่มากกว่าเพศหญิง
สำหรับ
ผู้ที่ยังคงทำกิจกรรมจิตอาสาอย่างต่อเนื่องนั้น พบว่า
ส่วนใหญ่ทำกิจกรรมจิตอาสาอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ต่อปี
ขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสะดวกในเรื่องของเวลา
เพราะจากการสำรวจพฤติกรรมการร่วมกิจกรรมจิตอาสาของเยาวชนกลุ่มดังกล่าวจะมี
ลักษณะของความมีส่วนร่วมก็ต่อเมื่อตนเองมีโอกาส
มีเวลาว่างหรือมีความสะดวกที่เข้าร่วมทำกิจกรรม
ถึงแม้ว่าจะเกิดการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมก็ตาม
และในส่วนของพฤติกรรมการมีส่วนร่วมต่อองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ
พบว่าองค์กรที่เยาวชนเหล่านี้มักเข้าร่วมเป็นประจำคือ มหาวิทยาลัย
หน่วยงานรัฐบาล องค์กรอิสระ
และมีเพียงบางส่วนที่ริเริ่มการทำกิจกรรมด้วยตนเอง
4.แนวโน้มและความต้องการในการทำงานจิตอาสาเพื่อผู้อื่น
4.1 ความตระหนักและความต้องการ
จาก การสำรวจถึงความยินดีและความต้องการในการเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสากับทาง มูลนิธิฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ หน่วยงานอื่นๆ พบว่าส่วนมากมีความยินดี และต้องการที่จะเข้าร่วม หากมีการจัดกิจกรรมเกิดขึ้น ในส่วนของผู้ที่ไม่ยินดีเข้าร่วม ให้เหตุผลว่า ไม่สะดวกในการเข้าร่วม เนื่องจากมีภาระในเรื่องงาน ส่วนหนึ่งเป็นทหารและปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ส่วนหนึ่งไปศึกษาต่อต่างประเทศ และบางส่วนแต่งงานและมีครอบครัวจึงไม่มีเวลาที่จะเข้าร่วมกิจกรรมที่จัด ขึ้น สัดส่วนของผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาพบว่า ยังคงเป็นเพศชายที่มีความยินดีในการเข้าร่วมทำ กิจกรรมมากกว่าเพศหญิง
เมื่อ
ให้ผู้ตอบแบบสำรวจที่มีความยินดีในการเข้าร่วมกิจกรรม
ประเมินตนเองถึงระดับความสนใจในการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อผู้อื่น
พบว่าเยาวชนกลุ่มดังกล่าว
ให้ความสนใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาอยู่ในระดับมาก
เกินกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ให้ข้อมูล
4.2 ความพึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม
จาก
การสำรวจข้อมูล พบว่า งานที่กลุ่มเยาวชน “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
ต้องการเข้าร่วมเป็นอันดับแรกคือ การช่วยเหลือด้วยแรงหรือการทำงานสนับสนุน
เนื่องจากเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากและไม่ต้องใช้เวลานานหรือต่อเนื่อง
สามารถเข้าร่วมและทำจบได้เป็นครั้งๆ ไป รองลงมาคืองานติดต่อประสานงาน
และการเป็นผู้ให้การอบรมและให้ความรู้ตามทักษะที่ตนเองมี
รวมถึงเป็นผู้นำกิจกรรม
เนื่องจากเยาวชนเหล่านี้มีประสบการณ์ดังกล่าวจากการทำโครงการกล้าใหม่ใฝ่รู้
มาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีทักษะและความสามารถดังกล่าวเป็นอย่างดี
ส่วนกิจกรรมที่เยาวชนกลุ่ม “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ให้ความสนใจน้อยที่สุด
เรื่องของการระดมทุนและการระดมอาสาสมัคร
เนื่องจากขาดประสบการณ์ในส่วนดังกล่าว เนื่องจากตอนที่ดำเนินโครงการ
“กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
เยาวชนกลุ่มดังกล่าวได้รับการสนับสนุนทุนและได้รับความช่วยเหลือประสานงาน
ส่วนอื่นๆ จากทางอาจารย์เป็นหลัก จึงไม่มีประสบการณ์ต่อเรื่องดังกล่าว
นอกจากนั้นจะพบว่าในลักษณะของการทำงานโครงการกล้าใหม่ที่ผ่านมา
เยาวชนกลุ่มดังกล่าวมักจะชักชวนเฉพาะคนที่รู้จัก เพื่อนสนิท
ที่เรียนอยู่ในสาขาวิชาที่ตนเองศึกษาอยู่เป็นส่วนใหญ่
ยังขาดการเชื่อมโยงเพื่อนนักศึกษาจากคณะอื่นๆ
ทำให้ไม่คุ้นเคยกับการระดมอาสาสมัครจากคนที่มีความสัมพันธ์ระดับที่ไกลออกไป
4.3 ความสนใจและแรงจูงใจ
จาก
การสำรวจประเด็นความสนใจต่อการทำงานจิตอาสาเพื่อผู้อื่น
พบว่าประเด็นที่เยาวชนให้ความสนใจเป็นหลัก คือ การพัฒนาชุมชน เยาวชน
และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ใกล้เคียงกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำโครงการ
“กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ประเด็นที่เยาวชนเหล่านี้สนใจรองลงมา
ได้แก่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การศึกษา ผู้สูงอายุ ศาสนาและวัฒนธรรม
และสุขภาพ เป็นต้น ถ้าหากต้องการให้เยาวชนเหล่านี้เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา
แรงจูงใจหลักที่สำคัญที่สุด พบว่า
เป็นเรื่องของประเด็นกิจกรรมที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของเยาวชน
เนื่องจากเยาวชนจะได้ใช้ความสามารถและความถนัดของตนเองได้อย่างเต็มที่
เหมือนครั้งที่ทำโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
นอกจากนั้นเรื่องของเพื่อนก็เป็นอีกแรงจูงใจหนึ่งที่จะสามารถช่วยกระตุ้นให้
เกิดการร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาได้
เพราะหากตนเองมีเพื่อนที่รู้จักหรือสนิทเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
จะทำให้รู้สึกเป็นกันเอง ไม่ขัดเขินและไม่ต้องปรับตัวมากเท่าไหร่
จึงทำให้อยากเข้าร่วมการทำกิจกรรมจิตอาสามากขึ้น
นอกจากนั้นการเล็งเห็นว่ากิจกรรมที่ตนเองจะเข้าร่วมนั้น
สามารถก่อให้เกิดประโยชน์หรือช่วยเหลือผู้อื่นได้จริงและหากกิจกรรมมีรูปแบบ
ที่นาสนใจมีความทันสมัย
ก็จะทำให้เพิ่มความรู้สึกยินดีในการเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้นตามไปด้วย
เช่นกัน
4.4 ข้อจำกัดในการเข้าร่วม
4.4.1 วัน เวลา และสถานที่
วัน และเวลาที่เยาวชนส่วนใหญ่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้นั้น คือ วันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงปิดเทอม หรือวันหยุดในวันสำคัญต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมกิจกรรมก็ยังขึ้นอยู่กับความสะดวกของตนเองเป็น หลัก ถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม ส่วนในเรื่องของพื้นที่ที่สามารถเข้าร่วมได้นั้น พบว่าส่วนใหญ่แล้วเยาวชนจะอาศัยอยู่ในภูมิลำเนาเดิมของตนเองหรือย้ายถิ่นฐาน ไปยังจังหวัดที่ใกล้เคียงเพื่อไปประกอบอาชีพ ดังนั้นการเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา จึงควรจัดอยู่ในพื้นที่ที่ใกล้เคียงกับภูมิลำเนาของเยาวชน จึงจะสะดวกต่อการทำกิจกรรม แต่อย่างไรก็ตาม เยาวชนกล้าใหม่ใฝ่รู้ก็มีความยินดีที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่อื่นๆ หากทางมูลนิธิหรือองค์กรต่างๆ มีความต้องการอาสาสมัคร แต่ทั้งหมดก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเวลาและความสะดวกดังเช่นที่ได้กล่าวมา
4.4.2 ช่องทางการติดต่อสื่อสาร
ช่อง ทางที่เยาวชนต้องการให้ใช้ในการติดต่อสื่อสารมากที่สุด คือ การส่งอีเมลแจ้ง การใช้เฟสบุค(Facebook)และการโทรศัพท์ในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยที่ทำงานแล้วและจะใช้อีเมลในการติดต่อสื่อ สารมากที่สุด และจากการสำรวจ พบว่า อีเมลส่วนตัวที่ใช้ เป็นอีเมลเดียวกับบัญชีเฟสบุค (Facebook account ) เช่นกัน
4.4.3 ความต้องการในการได้รับการสนับสนุน
เยาวชน ส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการค่าตอบแทนในการเข้าร่วมทำกิจกรรม เพราะ รู้สึกว่าอยากเข้าร่วมด้วยใจ และอยากเข้าร่วมด้วยตนเอง แต่สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลเพื่อมาร่วมทำกิจกรรม เยาวชนในกลุ่มนี้เห็นว่าหากมีการสนับสนุนในเรื่องของค่าเดินทาง หรือการจัดพาหนะสำหรับการเดินทาง เช่น การจัดรถรับส่งตามจุดสำคัญก็จะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นและประหยัดค่าใช้ จ่ายกับกลุ่มเยาวชนได้ นอกจากนั้นเรื่องสวัสดิการอาหารและเครื่องดื่มถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ เยาวชนมีความต้องการด้วยเช่นกัน มีเพียงส่วนน้อยที่ยังคงคาดหวังในเรื่องของการรับรางวัล เช่น เกียรติบัตร ประกาศนียบัตร เป็นต้น
ส่วน
กลุ่มที่ทำโครงการหรือกิจกรรมด้วยตนเองนั้น
มีความต้องการได้รับการสนับสนุนในเรื่องงบประมาณดำเนินการบางส่วนเพื่อขับ
เคลื่อนกิจกรรมที่ตนเองตั้งใจจะทำได้
นอกจากนั้นเยาวชนกลุ่มนี้ต้องการได้รับการสนับสนุนในเรื่องของการประชา
สัมพันธ์กิจกรรมและโครงการที่ตนเองได้จัดขึ้น
การประสานงานกับหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องการวิทยากร
บุคลากร ที่มีความรู้ความสามารถ
และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับกิจกรรมที่ตนเองทำเพื่อมาให้ความรู้หรือเป็นผู้นำ
กระบวนการได้
4.5 ความคาดหวังและความรู้สึกต่อการทำงานจิตอาสา
เยาวชน
ส่วนใหญ่คาดหวังว่าตนเองจะสามารถถ่ายทอดความรู้ความสามารถที่ตนเองมีอยู่ให้
กับผู้อื่น หรือชุมชนและสังคมได้ เพราะ
เยาวชนเหล่านี้มีความมุ่งหวังที่จะเห็นการพัฒนาเกิดขึ้นในชุมชนและสังคมที่
ตนเองอาศัยอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นเยาวชนกลุ่มนี้ยังต้องการที่จะเห็นความสุขและความร่วมมือที่
เกิดขึ้นจากการลงไปทำกิจกรรมกับผู้อื่น
และคาดหวังว่าจะได้เกิดการเรียนรู้กระบวนการต่างๆ จากการทำงาน
และถือเป็นโอกาสในการสร้างเพื่อนหรือความสัมพันธ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้
เยาวชน
ที่ผ่านโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้”
ส่วนมากรู้สึกดีและยังเล็งเห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของการทำกิจกรรมจิตอาสา
เพื่อผู้อื่น จึงอยากที่จะทำสิ่งดีๆ เหล่านี้ต่อไป
ถ้าหากว่าตนเองยังมีโอกาสที่จะทำได้
มีเพียงส่วนน้อยมากที่รู้สึกไม่อยากทำต่อ เพราะ มีเงื่อนไขทางเวลา
ทางการศึกษา และไม่มีเพื่อนที่จะคอยร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน
5.สรุป
จาก การสำรวจข้อมูลเยาวชนที่เคยเข้าร่วมโครงการ “กล้าใหม่...ใฝ่รู้” สร้างสรรค์ชุมชน (ระดับอุดมศึกษา) ในปี 2551 – 2554 ผู้สำรวจสามารถเก็บข้อมูลด้วยวิธีการโทรศัพท์สัมภาษณ์และจากการเข้ามาตอบแบบ สำรวจผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ จำนวนทั้งสิ้น 265 คน จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ จำนวน 642 คน
เยาวชน
ส่วนใหญ่ได้รับกระบวนการเรียนรู้เรื่องการทำงานชุมชนและจิตอาสาจากการเข้า
ร่วมโครงการดังกล่าว
และเกิดการตระหนักต่อการทำประโยชน์เพื่อชุมชนหรือสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่
จนกลายเป็นประสบการณ์ที่ติดตัว
รวมถึงมีความรู้สึกที่ดีจากการทำโครงการดังกล่าว
สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและศักยภาพในการทำงานเป็นหมู่คณะได้
ถึงแม้ว่าในตอนต้น บางคนจะมาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน หรือ
บางคนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะต้องมาทำงานหรือกิจกรรมอะไรบ้าง
บางส่วนก็มาจากทางอาจารย์ หรือ มีหลักสูตรจากทางมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง
แต่หลังจากผ่านโครงการนี้แล้ว
เยาวชนเกิดความเข้าใจและตระหนักต่อการทำงานชุมชนและจิตอาสาเพื่อผู้อื่น
และบางส่วนยังคงทำกิจกรรมจิตอาสาหรือกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา ทั้งจากการเรียน และปัจจุบันเยาวชน
“กล้าใหม่...ใฝ่รู้” ส่วนใหญ่จบการศึกษาและประกอบอาชีพเป็นส่วนใหญ่
ทำให้เวลาในการออกไปทำกิจกรรมเพื่อชุมชนหรือสังคมเริ่มมีน้อยลง
จะสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้เฉพาะในช่วงวันหยุดและไม่มีภาระใดๆ
จึงจะสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้
แต่อย่างไรก็ตามเยาวชนที่จากโครงการกล้าใหม่...ใฝ่รู้
ส่วนใหญ่ยังมีความยินดีที่จะเข้าร่วมกิจกรรมและพร้อมที่จะทำสิ่งดีๆ
เพื่อชุมชนและสังคมต่อไป
นายศุทธิวัต นัสการ (เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามกัมมาจล)
ผู้สำรวจข้อมูล