
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยในปัจจุบันนั้น เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีหลายปัจจัยที่เอื้ออำนวยและส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อีกทั้งบทบาทของผู้ที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ใช่ใคร หากแต่เป้นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในการรับผิดชอบประเทศ ส่วนผู้ที่รับผลต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็คงไม่ใช่ใครอื่นเช่นกัน หากแต่เป็นเยาวชนที่กำลังเติบโดอยู่ในปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้จึงมีกลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่เล็งเห็นถึงความสำคัญต่อบทบาทของตนเองในการขับเคลื่อนประเทศ โดยริเริ่มที่อยากจะชวนเครือข่ายเยาวชนที่เป็นแกนนำและมีบทบาทสำคัญในสังคม รวมทั้งมีความคิดดีๆ ต่อสังคม ให้หันมาเห็นภาพของอนาคตร่วมกัน จึงเกิดกิจกรรม "Thailand Scenario by New Gen" ขึ้น เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบกลุ่มย่อยที่จะมาชวนกันคุยและร่วมสร้างภาพอนาคตของประเทศไทย โดยมีเยาวชนคนรุ่นใหม่จากหลากหลายวงการ หลากหลายความคิด ไม่ว่าจะเป็นเยาวชนที่มาจากงานด้านวิชาการ ด้านงานชุมชนที่อยู่ในพื้นที่จริง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อสารมวลชน ด้านกิจการเพื่อสังคม ด้านการเกษตร หรือ แม้แต่เยาวชนที่เกี่ยวข้องกับงานของภาครัฐบาล ฯลฯ ให้มาทำความรู้จักกัน มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิด และเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและจับมือกันในลักษณะของเครือข่ายเยาวชนที่จะขับเคลื่อนประเทศพร้อมๆ กันต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้เยาวชนสร้างภาพของอนาคตที่มีความเป็นไปได้ร่วมกัน
2. เพื่อทำความรู้จักและเชื่อมโยงกลุ่มเยาวชนแกนนำให้เกิดขึ้นในลักษณะเครือข่าย
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. เกิดภาพอนาคตร่วมกันจากกลุ่มเยาวชน
2. เกิดความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในการมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมครั้งต่อๆ ไป ในลักษณะ
ของเครือข่าย
ระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรม
22 มิถุนายน 2556
กิจกรรม "Thailand Scenario by New Gen"
22 มิถุนายน 2556 ณ ห้องประชุม Boardroom 3 Zone C ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์
ผู้เข้าร่วมเวที
ลำดับ | รายชื่อ | ประเภท | องค์กร/
หน่วยงาน/บริษัท |
1 | คุณกรนัท สุรพัฒน์ (เจ) | SE/ Social org | Co-Founder/Owner at Beyond Journey and Freelance facilitator at Freespirit, AISEC |
2 | คุณวรวัส สบายใจ (ป้อมปืน) | Youth & Education/ | (กลุ่มบ้านเรียน) |
3 | คุณปิยรัฐ จงเทพ(โตโต้) | Youth & Education | กลุ่มเยาวชนปฏิรูปการรับน้องประชุมเชียร์แห่งประเทศไทย (Anti-sotus) |
4 | คุณอาอีฉ๊ะ แก้วนพรัตน์ (ฉ๊ะ) | Community & Agriculture/ | (คนไทยพลัดถิ่น) เครือข่ายแก้ปัญหาสัญชาติคนไทย |
5 | คุณแบ๊งค์ งามอรุณโชติ | Academic | มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (ธนบุรี) |
6 | คุณอัครกิตติ์ กีรติธนาไชยยศ (โอ๊ต) | Government/ Quasi-Government | สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) |
7 | คุณอธิป วิชชุชัยอนันต์ (ต้น) | Media & IT(MD/Producer) | บ.กระต่ายตื่นตัว จำกัด |
8 | คุณพีรพัฒน์ นันนานารัตน์ (ฮง) | Media & IT (MD) | IT เมฆา (CGbangkok Design) |
9 | คุณวาคิม เนียนทับทิม (ซัน) | Media & IT | noominak(นักวิจารณ์หนัง) |
10 | คุณอนุกูล ศรีโกตะเพชร (แอคชั่น) | SE/ Social org | Volunteer Spirit |
11 | คุณวีระ นากระโทก (โอม) | SE/ Social org | ศูนย์อาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (บ.นวัตกรรมชาวบ้าน จำกัด) |
12 | คุณพีรพร ชุติสุนทรากุล(นวล) | NGOs | Change Fusion |
13 | คุณปราบ เลาหะโรจนพันธ์(ปราบ) | SE/ Social org | องค์กร New culture |
14 | คุณสกลฤทธ์ จันทร์พุ่ม(เก่ง) | Social org | มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ |
15 | คุณปรีห์กมล จันทรนิจกร (กิ๊ฟ) | - | - |
ความคิดเห็นจากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
สถานการณ์ของประเทศไทยในสายตาคนรุ่นใหม่
1. ความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมยังไม่ได้มีการแยกแยะหรือพิสูจน์ให้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่กลับเป็นการบอกต่อและการสร้างให้เกิดความเข้าใจด้วยการผลิตซ้ำ ผู้คนเหมือนถูกปิดตาไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่เป็นจริง ถูกบิดเบือนข้อมูลจากผู้ที่มีอำนาจมากกว่า ความเหลื่อมล้ำของคนในระบบโครงสร้างของสังคมยังมีอยู่ชัดเจน
2. ข้อจำกัดทางกฎหมายที่เป็นตัวควบคุมกฎเกณฑ์ขัดต่อความเป็นอิสระของประชาชน
3. สังคมถูกผูกขาดการกระทำกิจกรรมต่างๆ จากภาครัฐ ทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับคนที่กำลังจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงประเทศ
4. สถานการณ์บางอย่างของประเทศเดินมาถึงจุดจบ แต่คนไม่ยอมรับและไม่ปรับเปลี่ยน พยายามแสดงบทบาทหน้าที่เดิมของตนเองต่อไป
5. ผู้คนพยายามกล่าวโทษผู้ที่มีอำนาจว่าเป็นผู้ที่กระทำผิด ซึ่งในความเป็นจริงประชาชนทั่วไปอาจเป็นส่วนที่ผลักดันหรือมีส่วนร่วมต่อการกระทำผิดเหล่านั้นก็เป็นได้ สิ่งที่สำคัญคือการย้อนกลับมาดูและพิจารณาที่ตนเอง
6. การเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ง่ายขึ้น ทำให้คนสามารถลุกขึ้นมาเรียกร้องหรือต่อสู้เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ในทางกลับกันอาจส่งผลเสียหากเกิดความเข้าใจผิดหรือได้รับข้อมูลที่มากเกินไปและเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
แรงขับ (Driving force) ของภาพสังคมไทยที่เห็นในอดีตและปัจจุบัน จากสายตาคนรุ่นใหม่
หลังจากที่ได้มีการลงกลุ่มเพื่อทบทวนและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อภาพในอดีตที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อภาพปัจจุบัน
กลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ช่วยกันค้นหาแรงขับ (Driving force) ได้ 6 ประเด็น
ดังนี้
1. การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันและแย่งชิงทรัพยากร ความสัมพันธ์ การเชื่อมโยงคนด้วยเรื่องของใจเปลี่ยนไปในรูปแบบของการให้ผลประโยชน์ เกิดการให้คุณค่าของวัตถุมากกว่า ส่งผลต่อรูปแบบของสังคมที่เปลี่ยนแปลงจากความเรียบง่ายกลายเป็นความซับซ้อน
2. การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
3. เทคโนโลยีในเรื่องของการสื่อสารสร้างผลกระทบต่อสังคม ในลักษณะของการบิดเบือนและการสร้างความเข้าใจผิด สิ่งที่สำคัญคือการขาดตัวกลางในการสื่อสารเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบและเกิดความยืดหยุ่นของผู้ที่รู้ และ ผู้ที่ไม่รู้
4. การขาดวิสัยทัศน์ร่วมกัน ขาดความร่วมมือกัน ในระบบโครงสร้าง มีการแบ่งแยกของกลุ่มคนอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่รู้ว่าแต่ละกลุ่มมีความขัดแย้ง แต่ในขณะเดียวกันความแตกต่างของแต่ละกลุ่มกลับมีบทบาทที่ส่งเสริมให้เกิดเป้าหมายเดียวกันได้
5. ความไม่เท่าเทียมกันของสังคมอันเนื่องมาจากโครงสร้างของประชากร การเข้าถึงทรัพยากรและสิทธิต่างๆ ดังจะเห็นได้จากการที่ยังมีคนออกมาเรียกร้อง ชุมนุม ประท้วง ฯลฯ ต่อเรื่องต่างๆ มากมาย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นวาคนที่เป็นคนกดทับกันเองไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน
6. การศึกษาและกระบวนการเรียนรู้ เป็นการผลิตซ้ำ สร้างให้คนเกิดความเชื่อในสิ่งที่เรียนรู้ ขาดการตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการค้นหาความรู้
แรงขับ (Driving force) ที่สามารถเกิดขึ้นได้ต่อภาพอนาคตของสังคมไทย ในสายตาของคนรุ่นใหม่
จากการทบทวนและร่วมกันระดมความคิดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ พบว่าพวกเขาคิดว่า สิ่งที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมในอนาคตนั้นน่าจะประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
1. ความเป็นปัจเจก หมายถึง ความแตกต่างของแต่ละกลุ่มจะมีการรวมตัวกันในลักษณะของเครือข่ายมากขึ้น คนที่มีความคิดเดียวกันก็จะมีการรวมตัว เกิดการตื่นตัวเกิดการรับรู้ของปัญหาที่ตนเองได้รับ และกลายเป็นกลุ่มที่ดำเนินการดูแลรับผิดชอบด้วยตนเอง พึ่งพาตนเองมากขึ้น
2. เทคโนโลยีการสื่อสารและการเชื่อมโยงความรู้ จะเกิดจากกลุ่มคนที่มีความคิดที่คล้ายคลึงกัน จะมีการสื่อสารและรวมตัวกันมากขึ้น คนที่ต้องการเรียกร้องก็สามารถถ่ายทอดหรือบอกกล่าวเรื่องราวของตนเองสู่สาธารณะได้มากขึ้น
3. อำนาจและการจัดการ อำนาจทางการเมืองหรือการทำหน้าที่เป็นตัวแทน มาจากคนที่มีความสนใจจริงๆ คนที่มีแรงและมีพลังที่จะขับเคลื่อน ไม่ได้มาจากตำแหน่งหรือหน้าที่เหมือนที่ผ่านมา การกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ประชาชน ทำให้ประชาชนมีอำนาจในการจัดการตนเองมากขึ้น
4. ปัจจัยภายนอก อื่นๆ (สังคมวัฒนธรรม/ เศรษฐกิจ/ ปัญหาสิ่งแวดล้อม) เช่น การพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ จากการเปิดประเทศให้เป็น AEC หรือการขยายความเป็นเมืองมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดทั้งผลกระทบที่ดีและไม่ดีได้เช่นกัน
เห็นภาพอนาคตร่วมกัน
ภาพที่ 1 Expansion of City
· พูดถึงเรื่องของการขยายเมือง ซึ่งต้องดูว่าเป็นการขยายจากฐานโครงสร้างของเมืองที่เกิดจากการพัฒนาจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการอพยพย้ายถิ่นฐาน การที่คนเมืองย้ายไปสู่ต่างจังหวัดอาจจะไม่ใช่การไปตั้งรกรากและทำความเข้าใจถึงความเป็นท้องถิ่นจริงๆ แต่กลับไปสร้างวัฒนธรรมหรือความเป็นเมืองที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมเสียหาย
· คนที่มีความรู้ประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น คนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำงานบริษัททำให้ภาคธุรกิจต้องมีการปรับตัว อาจต้องมีระบบการจ่ายสวัสดิการที่ดึงดูดมากขึ้น
· การเปิดการค้าเสรีระหว่างประเทศ (AEC) แรงงานต่างด้าวอาจจะย้ายกลับไปสู่ประเทศตนเอง แรงงานที่เป็นคนไทยอาจปฏิเสธการทำงานบางอย่าง ทำให้รูปแบบของอุตสาหกรรมเปลี่ยนไป แรงงานเปลี่ยนจากกำลังคนเป็นเครื่องจักรมากขึ้น
· เกิดการขยายตัวของธุรกิจที่ดิน บริเวณชายแดนมีการเปลี่ยนผ่าน ผู้คนเกิดความเครียด มีธุรกิจการค้าประเวณีมากขึ้น
ภาพที่ 2 ข้าวสีนิล vs ข้าวมอนซานโต
การเมือง อีก 15 ปีข้างหน้า มีการกระจายอำนาจเกิดขึ้น ภูมิภาคสามารถจัดการตัวเองขึ้นได้มากขึ้น
เทคโนโลยีสื่อสาร การสื่อสารเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับประชาชนมากขึ้น
ภัยธรรมชาติ คนรู้ทันสถานการณ์ สามารถรับมือและปรับตัวมากขึ้น
แต่ในทางตรงข้ามหากเกิดความไม่เข้าใจหรือการควบคุมจากภาครัฐก็จะเกิดสิ่งที่ตรงกันข้ามขึ้น
ภาพที่ 3 ภาพความฝันปราสาททราย
ประกอบไปด้วย โลก ปราสาททราย และคลื่น
โลก เปรียบเสมือน ระบบเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และ การสื่อสาร
ปราสาททราย เปรียบเสมือน สังคมไทย ชุมชน
คลื่น เปรียบเสมือน กระแสของความเจริญและการพัฒนาที่นำการเปลี่ยนแปลงเข้ามาสู่ประเทศ
“ โครงข่ายการสื่อสารที่รวดเร็วเนื่องจากการพัฒนา การเปิดการค้าเสรีจากหลายประเทศ ทำให้กลายเป็นคลื่นทะลักเข้ามา ส่งผลต่อวัฒนธรรมการอยู่การกิน การใช้ชีวิต ทำให้สภาพความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไป จากวิถีชีวิตที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ในฐานะผู้ผลิต ต้องขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจที่จะเป็นผู้กำหนดว่าสิ่งที่จะผลิตหรือบริโภคนั้นคืออะไร เกิดเป็นเหลื่อมล้ำของสังคมมากขึ้น”