กระบวนการทำแผนที่ดังกล่าวเกิดจากประเด็นคำถามที่ว่า แผนที่ชุมชนแบบใดที่จะเหมาะสมกับโจทย์การทำงานของ Gen V ที่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมชุมชนเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ จากแนวคิดและประสบการณ์ของเด็กค่ายในอดีตที่ผ่านการเรียนรู้กระบวนการทำแผนที่ทำมือ พวกเราพบว่าขั้นตอนและวิธีการตลอดจนรายละเอียดต่างๆของแผนที่ทำมือที่เคยเรียนรู้เหล่านั้นยังไม่ตอบโจทย์ที่พวกเราต้องการ
กระบวนการทำแผนที่ดังกล่าวเกิดจากประเด็นคำถามที่ว่า แผนที่ชุมชนแบบใดที่จะเหมาะสมกับโจทย์การทำงานของ Gen V ที่มุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมชุมชนเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ จากแนวคิดและประสบการณ์ของเด็กค่ายในอดีตที่ผ่านการเรียนรู้กระบวนการทำแผนที่ทำมือ พวกเราพบว่าขั้นตอนและวิธีการตลอดจนรายละเอียดต่างๆของแผนที่ทำมือที่เคยเรียนรู้เหล่านั้นยังไม่ตอบโจทย์ที่พวกเราต้องการ พวกเราต้องการแผนที่ที่มีความละเอียดและแม่นยำระดับหนึ่งในส่วนของผังครัวเรือน สถานที่สำคัญในชุมชน คูคลอง ระดับน้ำท่วม และนอกเหนือจากนั้นยังต้องแสดงให้เห็นถึงเส้นทางการคมนาคม ทั้งในขณะปกติและเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำไปสู่การวิเคราะห์เพื่อการจัดการขณะเกิดภัยพิบัติได้ เมื่อพวกเราชัดเจนในเป้าหมายที่ต้องการ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาแผนที่จึงเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนของการทำความรู้จักแผนที่ภูมิศาสตร์ การอ่านแผนที่ ไปจนถึงการฝึกทำแผนที่ทำมือโดยได้รับความร่วมมือจากผศ.ดร.ปิยะกาญจน์ เที้ยธิทรัพย์ อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล หรือพี่ปูเป้ที่น่ารักของพวกเรา ที่กรุณาจัดอบรมให้ความรู้ คำแนะนำและเทคนิคการทำแผนที่ทำมือ ผ่านการทดลองฝึกปฏิบัติจริง
หลังจากนั้นเส้นทางการเรียนรู้ ดำเนินมาสู่ขั้นตอนของการระดมความคิดเพื่อประยุกต์เอาความรู้ที่ได้เรียนมาปรับใช้จริง ภายใต้เงื่อนไขเพิ่มเติมว่า แผนที่ที่เราจะทดลองทำนี้ นอกจากจะมีในส่วนของข้อมูลต่างๆที่ต้องการแล้ว ต้องเป็นแผนที่ที่ง่ายต่อการทำ และง่ายต่อการทำความเข้าใจ ซึ่งกำลังหลักในการระดมความคิดครั้งนี้คือน้องๆในทีมและอาสาสมัครของเรา มาร่วมกันทดลองทำ ลองผิดลองถูก โดยประยุกต์เอาเทคโนโลยีในส่วนของ Scale แผนที่กว้างๆจากฐานข้อมูลของ Google Earth ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดย Scale ของแผนที่ใน Google Earth จะมีความละเอียดในระดับหลังคาเรือน มีทิศทางที่ถูกต้องแม่นยำ แต่ปัญหาของฐานข้อมูลดังกล่าวคือ ไม่ใช่ข้อมูลที่อัพเดตเป็นปัจจุบัน จะทำให้ข้อมูลบางส่วนเช่น ครัวเรือนใหม่ๆ เส้นทางเดินในชุมชนหรือคูคลองบางส่วนอาจขาดหายไป
ซึ่งขั้นตอนการทำแผนที่ชุมชนก็จะต้องมีในส่วนของการอัพเดตข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย นอกเหนือจากนี้พวกเรายังค้นพบการประยุกต์เอาเทคนิคการลอกลายแผนที่ที่เรียกว่า การทำ Layer โดยแต่ละ Layer จะเป็นการลงข้อมูลในประเด็นต่างๆ เช่น Layer 1 : ข้อมูลครัวเรือน , Layer 2 : ข้อมูลระดับของน้ำที่ท่วม , Layer 3 : เส้นทางการคมนาคมและคูคลอง เป็นต้น ซึ่งหากเราต้องการข้อมูลใน Layer ไหนก็สามารถเลือกดูได้ใน Layer นั้นๆได้โดยสะดวก
นอกเหนือจากนี้แผนที่ของเรายังเพิ่มเติมในส่วนของของการใช้ควบคู่กับแผ่นดัชนีข้อมูลที่จะประกอบไปด้วยข้อมูลพื้นฐานของครัวเรือน , ข้อมูลประชากรในภาวะพึ่งพิงในแต่ละครัวเรือน , การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับน้ำท่วมในแต่ละครัวเรือน , ข้อมูลเรือในแต่ละครัวเรือน โดยจะทำการจัดผังแบ่งโซนในแผนที่และให้ Code ในแต่ละโซน เชื่อมโยงข้อมูลกับแผ่นดัชนี และรจัดเก็บฐานข้อมูลในคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าแผนที่ดังกล่าวนอกเหนือจากจะช่วยอธิบายลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ตามข้อมูลที่เราต้องการได้แล้ว ยังเชื่อมโยงถึงฐานข้อมูลในระดับครัวเรือนได้อีกด้วย
บทเรียนร่วมกันภายใต้การศึกษาและพัฒนาขั้นตอนของการทำแผนที่ พวกเราได้ข้อเรียนรู้ใหม่ๆมากมาย ตั้งแต่จุดเริ่มต้นพวกเราพบกับความท้าทายใหม่ๆ กระบวนการคิดที่นำไปสู่การลองผิดลองถูก ภายใต้โจทย์ที่พวกเรามองว่าหากองค์ความรู้ในส่วนของวิธีการทำแผนที่นี้จะได้รับการขยายผลนำไปใช้ต่อ ก็จะต้องง่ายต่อการสื่อสารและง่ายต่อการทำความเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ และมีความเป็นไปได้ในระดับของการเรียนรู้ของคนในชุมชนและอาสาสมัครทั่วไปที่จะเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวด้วย โดยเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างง่ายๆหลอมรวมกับเทคนิคการลอกลายที่ทุกคนสามารถฝึกฝนทำได้ ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงฐานข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างง่ายๆเบื้องต้น ซึ่งประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับจะนำไปสู่การช่วยหนุนเสริมชุมชนเพื่อจัดทำแผนการจัดการภายในชุมชนเพื่อรับมือกับภัยพิบัติต่อไป
ซึ่งภายหลังจากการเก็บข้อมูลชุมชนและทำแผนที่เดินดินแล้วได้จัดเวทีนำเสนอข้อมูลแก่ชุมชน โดยมีตัวแทนเข้าร่วมประชาคม ดังนี้ ทีมผู้นำชุมชนในส่วนของ ทีมอบต. ผู้ใหญ่บ้าน ทีมสาธารณะสุขและอสม. ตัวแทนครูร.ร.สามแยกบางคูลัด ตัวแทนอาสาสมัครชุมชน เป็นต้น ซึ่งภายหลังจากจัดเวทีนำเสนอข้อมูลดังกล่าวข้างต้นแล้วนั้น ได้มีการลงมติวางแผนงานต่อเนื่องในส่วนของการขยายผลร่วมกับทีมอาสาสมัครชุมชนในการพัฒนาแบบสำรวจข้อมูลและจะจัดทำแผนที่เดินดินให้ครอบคลุมอีก 3 หมู่ คือหมู่ที่ 8 , 9 และ 10เป็นการขยายผลนำร่องต่อไป โดยจะเริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน 2556 เป็นต้นไป ซึ่งบทบาทของ Gen V จะเข้าไปหนุนเสริมในส่วนของการเป็นวิทยากรอบรมทีมอาสาสมัครชุมชนในส่วนของการเก็บข้อมูลชุมชนและทำแผนที่เดินดินต่อไป
เครื่องมือการเก็บข้อมูลและการทำแผนที่ชุมชนพัฒนาโดย ทีมงานและอาสาสมัคร